“เงินบาทแข็งค่ากลับมา ขณะที่ ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้น หลังนักลงทุนคลายความกังวลประเด็น BREXIT ลงบางส่วน”
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทกลับมายืนในกรอบที่แข็งค่ากว่าระดับ 35.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังอ่อนค่าช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับประเด็น BREXIT อย่างไรก็ดี เงินบาทดีดตัวกลับมาแข็งค่าขึ้นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ท่ามกลางสัญญาณที่สะท้อนว่า กระแสเงินทุนต่างชาติอาจเริ่มไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรไทยอีกครั้ง ในระหว่างที่นักลงทุนยังคงรอประเมินความคืบหน้าของประเด็น BREXIT โดยนักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย 7.2 พันล้านบาท และ 4.2 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับในวันพฤหัสบดี (30 มิ.ย.) เงินบาทอยู่ที่ 35.13 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 35.32 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (24 มิ.ย.)
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (4-8 ก.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 35.00-35.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยตลาดน่าจะยังคงติดตามประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับ BREXIT และสัญญาณที่อาจบ่งชี้ถึงแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ จากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ประกอบด้วย ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ดัชนี PMI ภาคบริการ เดือนมิ.ย. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ค. และบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 14-15 มิ.ย. ที่ผ่านมา นอกจากนี้ นักลงทุนอาจติดตามข้อมูลทุนสำรองฯ ของจีน และดัชนี PMI ของประเทศชั้นนำอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้น หลังนักลงทุนคลายความกังวลประเด็น BREXIT ลงบางส่วน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,444.99 จุด เพิ่มขึ้น 2.25% จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 0.3% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 53,911.16 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 527.35 จุด เพิ่มขึ้น 2.88% จากสัปดาห์ก่อน
ตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์สวนทางกับตลาดต่างประเทศ นำโดยหุ้นกลุ่มอุปโภคบริโภค จากความคาดหวังว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ขณะที่ผลจาก BREXIT ต่อเศรษฐกิจไทยมีไม่มาก ก่อนที่ดัชนีจะปรับเพิ่มขึ้นต่อในช่วงกลางสัปดาห์ ตามการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคาร กอปรกับการทำ Window Dressing หลังนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับประเด็น BREXIT ขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับเข้าซื้อหุ้นไทยอีกครั้ง
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (4-8 ก.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,430 และ1,410 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,450 และ 1,465 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ ถ้อยแถลงของรองประธานเฟด ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน จำนวนการขอสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศที่สำคัญ คงได้แก่ ดัชนี PMI ของญี่ปุ่นและประเทศในยุโรป