กรมเจรจาฯ’ บุกแดนซาฟารี ขับเคลื่อนการค้าไทย-แอฟริกาใต้

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ นำไทยฟื้นเวทีการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า หรือ เจทีซี ไทย – แอฟริกาใต้ ครั้งที่ 5 หลังว่างเว้นมานานกว่า 5 ปี ตั้งเป้าดันการค้าสองฝ่ายสู่เป้าหมาย 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2568 เตรียมนำคณะนักธุรกิจไทยเยือนแอฟริกาใต้มีนาคมนี้ เพื่อเจรจาจับคู่ธุรกิจ และขยายการค้าการลงทุนระหว่างกัน

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการความร่วมมือทางการค้า (เจทีซี) ไทย – แอฟริกาใต้ ครั้งที่ 5 ซึ่งแอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 ณ กรุงพริทอเรีย โดยตนเป็นประธานร่วมกับนายวิกเตอร์ มาเชเบล่า อธิบดีกรมการค้าระหว่างประเทศและการพัฒนาเศรษฐกิจว่า สองฝ่ายได้หารือเรื่องการส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกันผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การจัดคณะผู้แทนการค้าเยือนกันและกันเพื่อจับคู่ธุรกิจ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่แต่ละฝ่ายจัดขึ้น ซึ่งไทยได้เชิญแอฟริกาใต้นำคณะนักธุรกิจเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศที่ไทยจะจัดขึ้นในปี 2563 เช่น งานแสดงอัญมณีและเครื่องประดับในเดือนกุมภาพันธ์และกันยายน งานแสดงสินค้าอาหารในเดือนพฤษภาคม งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ในเดือนตุลาคม ตลอดจนการส่งเสริมความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านการลงทุนที่สองฝ่ายได้ลงนามกันไว้ในปี 2560 และ MOU ด้านการเกษตรที่ลงนามกันไว้ในปี 2561 เป็นต้น พร้อมตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าสองฝ่ายจาก 3,263 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2562 เป็น 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2568 โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีแผนจะนำคณะนักธุรกิจไทยมาเยือนแอฟริกาใต้ในเดือนมีนาคม 2563 เพื่อเจรจาจับคู่ธุรกิจ และขยายการค้าการลงทุนสองฝ่ายด้วย

นางอรมน เสริมว่า ยังได้ใช้โอกาสนี้แจ้งความสนใจที่จะขยายการส่งออกสินค้าข้าว ยาง และผลิตภัณฑ์ยาง ผลไม้ อาหารสำเร็จรูป และชิ้นส่วนยานยนต์ ไปยังแอฟริกาใต้ และขอให้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องที่แอฟริกาใต้เริ่มใช้มาตรการที่เข้มงวดในการออกวีซ่า และต่ออายุใบอนุญาตการทำงาน ส่งผลให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนไทยในแอฟริกาใต้ โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร สปา และชิ้นส่วนยานยนต์ หลายรายไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และต้องปิดกิจการลง ซึ่งแอฟริกาใต้รับปากที่จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของแอฟริกาใต้ เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน เพื่อหาทางออกต่อปัญหาดังกล่าวให้ไทย นอกจากนี้ ไทยได้แจ้งความสนใจเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของแอฟริกาใต้ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ พลังงาน เป็นต้น และขอทราบข้อมูลและนโยบายส่งเสริมการลงทุนของแอฟริกาใต้ ซึ่งได้ข้อมูลว่าปัจจุบันหน่วยงานด้านส่งเสริมการลงทุนของแอฟริกาใต้นำระบบการให้บริการแก่นักลงทุน ณ จุดเดียว หรือ One Stop Shop มาใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ แอฟริกาใต้มีประชากรกว่า 1,200 ล้านคน เป็นคู่ค้าอันดับ 1 ในภูมิภาคแอฟริกาของไทย ขณะที่ไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของแอฟริกาใต้ในอาเซียน โดยในปี 2562 การค้าระหว่างไทยกับแอฟริกาใต้ มีมูลค่า 3,263.17 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกไปแอฟริกาใต้ 2,626.75 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากแอฟริกาใต้ 636.42 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสินค้าส่งออกสำคัญ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องยนต์สันดาป ข้าว ยางรถยนต์ ยางขอบกระจกและประตู อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เป็นต้น สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น อะลูมิเนียมและเศษอะลูมิเนียม เคมีภัณฑ์ ทองคำ เพชร แพลตทินัม เยื่อกระดาษ เหล็กและเหล็กกล้า เป็นต้น นอกจากนี้ แอฟริกาใต้มีศักยภาพในการเป็นประตูการค้าสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคแอฟริกากว่า 54 ประเทศ

Advertisement

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image