นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ว่า จากการสำรวจคณะกรรมการหอการค้า ประธาน และรองประธานหอการค้าไทยทั่วประเทศ จำนวน 384 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 24-28 กุมภาพันธ์ 2563 พบว่า ดัชนีฯ มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง มาอยู่ที่ระดับ 44.9 ซึ่งเป็นดัชนีที่ต่ำสุดในรอบ 27 เดือน เป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีระดับความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนและประเทศอื่นๆ ลดลง
ทั้งนี้ ไทยยังคงเป็นกลุ่มเสี่ยงของการแพร่ระบาดของไวรัส ทำให้ภาคบริการทั้งการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆได้รับผลกระทบ รวมถึงสถานการณ์ภัยแล้งทำให้สินค้าเกษตรได้รับความเสียหายมีผลต่อรายได้ภาคเกษตร กำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีฯ ปัจจุบันปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 42.8 และดัชนีฯ อนาคตลดลงมาอยู่ที่ 47.0
นายธนวรรธน์กล่าวต่อว่า สำหรับปัจจัยบวก ในเดือนกุมภาพันธ์ อาทิ การส่งออกของไทยเดือนมกราคม 2563 เพิ่มขึ้น 3.35% มูลค่าอยู่ที่ 19,626 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, ระดับราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในประเทศปรับตัวลดลงประมาณ 0.90 บาทต่อลิตรจากเดือนที่ผ่านมา และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติลดดอกเบี้ยนโยบาย จาก 1.25% ต่อปี เป็น 1% ต่อปี
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเมื่อแยกไปตามภูมิภาคต่างๆ ยังมีการปรับตัวลดลงในทุกภูมิภาค และยังคงมีความเชื่อมั่นที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีโอกาสที่ดัชนีความเชื่อมั่นของหอการค้าไทยจะปรับตัวลดลงได้อีก โดยส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจในครึ่งปีแรกของปีนี้ ยังไม่ฟื้นตัว และคาดว่าในช่วงครึ่งปีแรกเม็ดเงินจะหายไปจากระบบเศรษฐกิจกว่า 5 แสนล้านบาท จากผลกระทบ อาทิ โควิด-19 และภาคการส่งออก เป็นต้น
สำหรับแนวทางในการแก้ไขปัญหาเวลานี้รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาชนเกี่ยวกับการควบคุมสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 การบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการทางการเกษตรและการอุปโภคบริโภค กระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศโดยการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนออกมาจับจ่ายซื้อสินค้าและหันกลับมาท่องเที่ยวภายในประเทศให้มากขึ้น