ผู้เขียน | ปิยะวรรณ ผลเจริญ |
---|
กระเพื่อมเป็นระยะๆ กับสัญญาณการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าหลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจจบลง…น่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงภายในเดือนมีนาคมนี้!!
แต่แรงสั่นสะเทือนจากสถานการณ์การระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด-19 กลับกระเพื่อมรุนแรงกว่า ทำให้กระแสปรับ ครม.เบาลง เปลี่ยนไปโฟกัสรัฐบาลจะพิสูจน์ฝีมือแก้วิกฤตประเทศได้หรือไม่
ที่วิกฤต ไม่ใช่เพราะรัฐบาลคุมการแพร่ระบาดของโรคไม่อยู่ แต่รัฐบาลกำลังคุมความตื่นตระหนกของคนไทยไม่อยู่มากกว่า
เห็นชัดๆ คือ เกิดปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัยจากพฤติกรรมคนบางกลุ่มฉวยโอกาสกักตุน โก่งราคา ทั้งที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศดูแลเข้มรายวัน
เกิดปัญหาเศรษฐกิจ คนไทยลดการใช้จ่าย ลดเข้าร้านอาหาร ลดช้อปปิ้ง ไม่กล้าเที่ยว เพราะกังวล หวาดกลัว ไม่มั่นใจ ตั้งคำถามกับภาครัฐที่ยังเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจีน ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศปาวๆ ว่าเอาอยู่
เมื่อสถานการณ์แย่ลง ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้กระทรวงมหาดไทยใช้งบกลางผลิตหน้ากากผ้า 50 ล้านชิ้นแจกประชาชน
ไม่กี่วันถัดมา สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ประชุมร่วมกับ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และภาคเอกชนกลุ่มผู้ผลิตสิ่งทอ เตรียมผลิตหน้ากากผ้าสำหรับประชาชนเปลี่ยนซักได้ 30 ล้านชิ้นแจกฟรีเช่นกัน
ขณะที่กระทรวงการคลังมีไอเดียแจกเงิน 2,000 บาท ในช่วง 2 เดือน (เมษายน-พฤษภาคม 2563) สำหรับประชาชน 3 กลุ่ม คือ ผู้มีรายได้น้อย กลุ่มอาชีพอิสระ และเกษตรกร เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อที่ถดถอยรุนแรง
ด้านกระทรวงสาธารณสุขของไทยเข้มข้นกับคนไทยจากประเทศเสี่ยง โดยเฉพาะแรงงานไทยที่เข้าไปทำงานในเกาหลีใต้ หรือผีน้อย หลังเกิดเสียงวิจารณ์กับมาตรการของรัฐในการควบคุมคนกลุ่มนี้
ล่าสุดกับข่าวฉาวโฉ่เรื่องกักตุนหน้ากากของทีมงาน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เจ้าตัวปฏิเสธไม่รู้เห็น
พ้นวิกฤตโควิด-19 ฤดูปรับ ครม.คงเริ่มทันที
มาพิสูจน์หัวจิตหัวใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กันสักตั้งว่าปรับ ครม.รอบนี้ จะเลือกคนที่เหมาะสมจริงๆ หรือเล่นการเมืองไปวันๆ