จากกรณีโลกออนไลน์มีการแชร์ข้อความเกี่ยวกับกับประเด็นหน้ากากอนามัย ที่กรมการค้าภายในยื่นข้อเสนอว่าให้สมาคมร้านขายยาต้องทำหนังสือขอโทษไปยังนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายในเนื่องจาก นายเทพรักษ์ สุรทานต์นนท์ ประธานสภาที่ปรึกษาสมาคมร้านขายยา ออกข่าวประชาสัมพันธ์เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ระบุว่า ตามที่มีมีข่าวปรากฏทางโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ วิทยุ ว่ากรมการค้าภายในได้จัดสรรหน้ากากอนามัยให้แก่ สมาคมร้านขายยา วันละ 2.5 หมื่นชิ้น เพื่อจำหน่ายกับผู้ที่ต้องการนั้น ยังไม่ได้เคยได้รับหน้ากากอนามัย
เมื่อวันที่ 12 มีนาคม นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวชี้แจงว่า ยืนยันการจัดสรรหน้ากากให้กับสมาคมร้านขายยานั้น ทางกรมฯได้พิจารณาให้อยู่แล้วไม่ต่ำกว่า 25,000 ชิ้นต่อวัน คาดว่าจะจัดส่งให้ได้ไม่พรุ่งนี้หรือไม่ก็เสาร์หรืออาทิตย์นี้ ดังนั้น ของให้ทางสมาคมฯไม่ต้องวิตกกังวลใดๆได้รับจัดสรรหน้ากากอนามัยได้แน่นอน และเท่าที่ได้คุยสมาคมร้านขายยา กรมฯพร้อมที่จะจัดสรรให้อยู่แล้ว
” ได้ประสานกับนายกสมาคมร้านขายยาและได้ตัดสรรหน้ากากอนามัยให้กับสมาคมไปแล้วตามที่สมาคมแจ้งมา คือ25,000ชิ้น และ ไม่เข้าใจว่านายเทพรักษ์ สุรทานต์นนท์ ประธานสภาที่ปรึกษาสมาคมร้านขายยา ได้คุยกับประธานสมาคมหรือไม่ ส่วนที่มีข่าวออกมาว่าการประสานงานระหว่างสมาคมร้านขายยา กับร้านขายยามีปัญหาอุปสรรคเพราะตนยื่นข้อเสนอว่าให้สมาคมร้านขายยาต้องทำหนังสือขอโทษตนก่อน กรณีที่ออกข่าวว่าสมาคมฯ ยังไม่ได้เคยได้รับหน้ากากอนามัยจากกรมการค้าภายใน เมื่อวันที่ 8 มีนาคมนี้ถึงจะจัดสรรหน้ากากอนามัยให้ เนื่องจาก อ้างว่าข่าวที่ออกไปทำให้อธิบดีกรมการค้าภายในเสื่อมเสียเกียรติ ก็ยืนยันว่าตนไม่เคยทำเช่นนั้น เพราะถือว่าจัดสรรหน้ากากให้สมาคมฯไปตามที่เสนอมาแล้ว เรื่องจบแล้ว ” นายวิชัย กล่าว
นอกจากนี้ นายวิชัย ยังกล่าวถึงกรณีการฟ้องเพื่อให้ดำเนินคดีกับโฆษกกรมศุลกากร ว่าไม่มีประเด็นการเมืองอยู่เบื้องหลังในการฟ้องร้องในครั้งนี้ แต่เป็นเรื่องของการรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของกรมการค้าภายในในฐานะที่ตนเป็นลูกหม้อรับราชการอยู่ที่กรมนี้มาตลอดชีวิตและในส่วนตัวของตนไม่เคยไปวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของหน่วยงานใดให้ เกิดความเสียหายดังนั้นจึงเป็นเรื่อง ของผู้ที่ให้ข่าวจะดำเนินการแก้ไขเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องและย้ำว่าโดย ส่วนตัวไม่ได้รู้จักกับโฆษกกรมศุลกากรมาก่อนและหากมีการติดต่อมาเพื่อพูดคุยต้นก็พร้อมจะคุยแต่เรื่องของการดำเนินคดีก็ต้องว่าไปตามกฏหมายซึ่งหากเจ้าพนักงานระบุว่ามีมูลและสั่งฟ้องก็ต้องเคารพในการพิจารณาของเจ้าพนักงานแต่ถ้าไม่มีมูลก็ไม่สั่งฟ้อง ก็ถือว่าเป็นไปตามกฎหมาย
