นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยในงานสัมมนา คิดก่อ คิดต่าง สร้างความยั่งยืน จัดโดย สายงานธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารกรุงไทย ว่า คาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย(จีดีพี) ปีนี้จะขยายตัวประมาณ 3% เนื่องจากได้รับผลกระทบภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ซึ่งโครงสร้างเศรษฐกิจไทยยังเน้นการพึ่งพิงการส่งออกเป็นหลักกว่า 2 ใน 3 ของจีดีพี และเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก ในส่วนการขยายตัวของสินเชื่อรวมปีนี้ของธนาคารจะขยายตัวได้ไม่มากนักตามภาวะเศรษฐกิจ โดยกลุ่มธุรกิจรายใหญ่ธนาคารเน้นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการระดมทุนผ่านตราสารหนี้และตราสารทุน สินเชื่อรายย่อย ยังชะลอตัวเนื่องจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ต้องเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อและมีการพิจารณาสินเชื่อที่เฉพาะเจาะจงและพิจารณาปัจจัยประกอบมากขึ้น ขณะที่สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ยังมีศักยภาพที่จะขยายตัวได้ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีขนาดกลาง(M)และขนาดเล็ก (S) ที่มียอดขายไม่เกิน 500 ล้านบาท ความต้องการวงเงินสินเชื่อ 1-100 ล้านบาท ซึ่งแผนยุทธศาสตร์ของธนาคารจะเน้นการขยายสินเชื่อกลุ่มนี้ต่อเนื่อง ผ่านเครือข่ายของธนาคารที่มีทั่วประเทศ ตี้งเป้าหมายระยะ 3 ปี (2559-2561) เพิ่มสัดส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอีเป็น 30% ของพอร์ตสินเชื่อรวม หรือมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ต่อปี จากปัจจุบันที่มีสินเชื่อเอสเอ็มอีมีสัดส่วนราว 20% ของพอร์ตสินเชื่อรวมราว 2 ล้านล้านบาท โดยจะเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นซัพพลายเชนของลูกค้าธนาคารเป็นหลัก และกลุ่มลูกค้าตามนโยบายของภาครัฐ กลุ่ม 5 อุตสาหกรรมเก่าและใหม่ อาทิ เกษตร ท่องเที่ยว อาหาร สุขภาพ เป็นต้น นอกจากนี้ ปัจจุบันสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยคิดเป็น 40% สินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ 30% และสินเชื่อภาครัฐ 10% ของสินเชื่อรวม
นายวรภัค กล่าวว่า ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) ปีนี้ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลง ซึ่งธนาคารจะดูแลไม่ให้เกิน 2 หมื่นล้านบาท จากปีที่ผ่านมาที่อยู่ราว 1.8 หมื่นล้านบาท โดยกลุ่มที่พบว่ามีปัญหาคือ กลุ่มเอสเอ็มอีขนาดใหญ่(L) และกลุ่มธุรกิจรายใหญ่ในบางอุตสาหกรรม
