นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมร่วมกับเอกชนในครั้งนี้ ต้องการให้ผู้ผลิตสินค้าออกมายืนยันว่าสินค้าอุปโภค บริโภคในไทยยังเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนอย่างแน่นอน เนื่องจากไทยถือเป็นครัวของโลก จึงมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องเป็นอย่างมาก ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก ทั้งนี้ ทางภาคเอกชน อาทิ ซีพี-ไทยเบฟ-สหพัฒน์ ยืนยันว่าหากในอนาคตมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นก็พร้อมผลิตเต็มที่ไม่มีการขาดแคลนแน่นอน ส่วนเรื่องการปิดเมืองยืนยันว่าเป็นเพียงการปิดพื้นที่เสี่ยงต่อการติดไวรัสเท่านั้น ส่วนการขนส่งสินค้ายังมีการดำเนินงานปกติ
นอกจากนี้ ปตท. ได้ยืนยันว่าวัตถุดิบที่นำมาผลิตเจลล้างมือ คือเอทานอลที่ใช้จากเชื้อเพลิงชีวภาพมาเสริมได้และมีปริมาณที่เพียงพอ ส่วนร้านค้าต่างๆ อาทิ แมคโคร เซเว่นอีเลฟเว่น ยืนยันว่าสินค้าที่ขายบนชั้นวางของ ได้เพิ่มจำนวนรถส่งสินค้าให้ถี่ขึ้น เพิ่มพนักงงานจัดวางสินค้าให้เพิ่มเวลางาน เพื่อให้มีสินค้าเพียงพอกับประชาชน และขออย่าให้กังวลว่าเครื่องใช้อุปโภค บริโภคจะหมด เพราะผู้ประกอบการหารือกับผู้ผลิต
“จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ส่งผลให้ไทยเข้าสู่สถานการณ์ที่ยากลำบาก รัฐบาล โดยทางกระทรวงการคลังจึงได้ออกแพ็คเกจช่วยเหลือภาคธุรกิจและภาคเอกชนอย่างเต็มที่ จึงอยากให้แต่ละองค์กรลดปัญหาการเลิกจ้างให้น้อยที่สุด แต่ท่าบริษัทแบกรับต้นทุนไม่ไหวจริงๆ ทางรัฐบาลอยู่ระหว่างเตรียมหาแนวทางช่วยลูกจ้างที่ตกงานจากผลกระทบดังกล่าว และได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือบริษัทที่ต้องปิดตัวในสภาวะนี้ อย่างไรก็ตาม อยากให้ผู้ประกอบการอดทนเชื่อว่า 2 เดือนนี้เราจะผ่านพ้นไปได้แน่นอน” นายสมคิดกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการผลิตหน้ากากอนามัย อยากให้ภาคเอกชนที่มีความพร้อมด้านวัตถุดิบเร่งดำเนินการผลิตได้เลย ยืนยันว่ามีงบประมาณในการช่วยเหลือแน่นอน และอยากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นตามเป้าหมาย 10 ล้านชิ้น ภายใน 2 เดือน ส่วนการแจกจ่ายให้กับประชาชนจะเริ่มทยอยแจกล็อตแรกในสัปดาห์หน้า เพื่อผ่อนคลายความตกใจของประชาชน ส่วนสถานที่ในการแจกมอบหมายให้หอการค้าไทยและกระทรวงพาณิชย์ ไปหารือร่วมกันว่าจะแจกที่ไหนแต่ต้องสะดวกสบาย อาทิ ปั้มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบในการผลิตหน้ากากผ้า ให้กับกระทรวงอุตสาหกรรมแล้ว จำนวน 10 ล้านชิ้น โดยคิดที่ต้นทุน 5 บาทต่อชิ้น จำนวน 5 ล้านชิ้น และราคาต้นทุนที่ 7 บาทต่อชิ้น จำนวน 5 ล้านชิ้น โดยจะเร่งให้เอกชนผลิตแจกภายใน 14 วัน นอกจากนี้ ได้เตรียมหารือกับทางกระทรวงคมนาคม ถึงการปลดล็อกเวลาการเดินรถขนส่งสินค้า ตามข้อเสนอของภาคเอกชนที่ขอให้มีการพิจารณาให้รถบรรทุกสินค้าวิ่งได้ตามปกติ ในช่วงวันหยุดส่งกรานต์ที่ถูกยกเลิกไป เพื่อต้องการเพิ่มรอบการส่งสินค้าให้มากขึ้น โดยข้อเสนอดังกล่าวจะมีการนำเข้าที่ประชุม ครม. ในวันที่ 24 มีนาคมนี้ เบื้องต้นจะเสนอให้รถบรรทุกสินค้าวิ่งได้ 24 ชั่วโมง (ชม.) เป็นเวลา 2 เดือน ส่วนเรื่องปัญหาฝุ่นละอองจะมีการหารือร่วมกับกระทรวงคมนาคมอีกครั้ง
นางวรวรรณ ชิตอรุณ รองปลัดกระทรวงอุตสากรรม กล่าวว่า ครม. อนุมัติงบ 65 ล้านบาท โดย 60 ล้านบาท จะเป็นส่วนที่ใช้จัดซื้อหน้ากากจากโรงงาน ส่วนอีก 5 ล้านบาท ใช้สำหรับภาคการขนส่ง โดยเบื้องต้นแนวทางการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยแบบผ้าให้กับประชาชน จะใช้วิธีลงทะเบียนผ่านแอพพิเคชั่นเป๋าตุง หรือช่องทางออนไลน์ของธนาคารกรุงไทย (KTB) ซึ่งทางไปรษณีย์จะตัดส่งให้ถึงบ้าน หรืออาจให้ประชาชนสามารถไปรับได้ที่ร้านธงฟ้า ปั๊ม ปตท. ทั้งนี้ ขอเวลาหารือกับ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมอีกครั้ง เพื่อกำหนดวิธีลงทะเบียน และแจกจ่ายให้กับประชาชนอย่างไรต่อไป
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
