‘พีเอ็ม 2.5-โควิด-19’ ดันธุรกิจสุขภาพครบวงจรโตดี

MHG ชี้เทรนด์สุขภาพแบบองค์รวมยังโตมิสกวาน เฮลธ์ กรุ๊ป หรือ MHG ชี้เทรนด์สุขภาพแบบองค์รวมในไทย ยังมีโอกาสเติบโตได้ท่ามกลางกระแสตื่นตัวเรื่องสุขภาพจากปัญหาฝุ่น PM 2.5 และไวรัส COVID – 19 มั่นใจหลังเหตุการณ์กลับคืนสู่ปกติ ผู้คนจะตระหนักและหันมาใส่ใจสุขภาพอย่างยั่งยืนกันมากขึ้น

นายเดวิด บอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสกวาน เฮลธ์ กรุ๊ป จำกัด หรือ (MHG) ศูนย์สุขภาพแบบองค์รวม เปิดเผยถึงแนวทางการให้บริการในแบบ MHG ที่เรียกว่า สมุทัยเวชศาสตร์ ซึ่งเป็นกระบวนการออกแบบแผนการรักษาโรคเรื้อรังอย่างเป็นระบบ ด้วยข้อมูลสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์ เริ่มด้วยการค้นคว้าหาสาเหตุอันนำมาสู่การเกิดโรคเป็นรายบุคคล โดยการวิเคราะห์จากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จากนั้นเข้าสู่กระบวนการวางแผนการรักษาโรคจากต้นตอ และวางแผนการฟื้นฟูอย่างถูกวิธี เพื่อให้การรักษาออกมามีประสิทธิภาพต่อผู้ที่เข้ารับการรักษา ซึ่งแนวทางการรักษาในแบบธรรมชาติบำบัดเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นจากทั่วโลก รวมถึงในไทยเนื่องจากหัวใจหลักของการดูแลสุขภาพในแบบสมุทัยเวชศาสตร์ มีจุดเด่นอยู่ที่ การเข้าใจถึงความซับซ้อนของร่างกายมนุษย์ ว่าประกอบไปด้วยระบบทางชีวภาพต่างๆ ด้วยการนำหลักการ Holistic ผสมผสานกับ Biological Based มาใช้ในดูแลสุขภาพร่างกาย นอกจากจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพายาหรือสารเคมีในการรักษา

นายวฤธ ใต้ฟ้ายงวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฎิบัติการประเทศไทย บริษัท มิสกวาน เฮลธ์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯได้ลงทุน 300 ล้านบาท เพื่อขยายศูนย์ดูแลสุขภาพมิสกวาน ครบทั้ง 5 สาขา โดย 2 สาขาในไทย ประกอบด้วย กรุงทเพฯ ที่อาคารเกษร ทาวเวอร์ชั้น 11 และเกาะสมุย สำหรับเกาะสมุย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาขาที่ให้บริการร่วมกับทางรีสอร์ต ประกอบด้วย บีชฟร้อนท์วิลล่า 11 หลัง ตั้งอยู่บนหาดทรายสีขาว การออกแบบที่เน้นความเป็นส่วนตัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงกิจกรรมต่างๆ อาทิ คลาสดำน้ำดูปลา โยคะริมชายหาด เป็นต้น เพื่อให้ผู้ที่รับการรักษาสามารถเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและได้เที่ยวพักผ่อนไปพร้อมกัน ส่วนในต่างประเทศนอกจากในเวียนนา ประเทศออสเตรีย และฮ่องกงแล้ว บริษัทยังได้ซื้อกิจการคลินิกที่ลุดวิคส์เบิร์ก ประเทศเยอรมนี จากโจฮานเนส เวสต์โซเลย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาแนวใหม่ ทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น และหัวหน้าผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของมิสกวาน
“มิสกวานเริ่มเปิดให้บริการในไทยมาตั้งแต่ปี 2561 โดยที่ผ่านมาฐานลูกค้า 80% เป็นต่างชาติ ทั้ง ฮ่องกง สิงคโปร์ ออสเตรเลีย แคนนาดา จีน เวียดนาม เมียนมา ฟินแลนด์ และอังกฤษ ซึ่งส่วนใหญ่คุ้นเคยกับการรักษาในรูปแบบของเวสต์โซเลย์ หรือสมุทัยเวชศาสตร์ อยู่แล้ว ขณะที่ฐานลูกค้าอีก 20% เป็นคนไทย แต่นับตั้งแต่สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ทำให้กลุ่มคนไทยตื่นตัวในการเข้ามาใช้บริการมิสกวานเพิ่มขึ้นถึง 3-4 เท่าตัว โดยรูปแบบการรับบริการในลักษณะสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายมากขึ้น ประกอบกับปัจจุบันต่างชาติไม่สามารถเดินทางมาประเทศไทยได้ชั่วคราวเนื่องจากการระบาดของโรคดังกล่าว ทำให้ปัจจุบันสัดส่วนของผู้เข้ามาใช้บริการเปลี่ยนเป็นคนไทย 40% จากจำนวนลูกค้าทั้งหมด 400
คน” นายวฤธกล่าว

นายวฤธกล่าวว่า บริษัทได้มีการปรับแผนระยะสั้น ในช่วงที่ลูกค้าต่างชาติไม่สามารถเดินทางมาใช้บริการได้ โดยบริษัทจะใช้โอกาสนี้ในการให้ความรู้คนไทย เพื่อให้ตระหนักในการดูแลสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ไม่เฉพาะในช่วงที่เกิดโรคระบาดโควิด-19 แต่มลภาวะเป็นพิษและอาหารที่ไม่สะอาด ถ้าสุขภาพร่างกายแข็งแรงจะต้านโรคได้ระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ของมิสกวานที่เน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันก่อนที่จะเกิดโรคและในช่วงที่ ไวรัส COVID-19 ระบาดอยู่นี้ หากเรามีสภาพร่างกายและระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงนั้นเป็นเรื่องที่ดี โดยทุกคนสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สมดุลและแข็งแรงได้ด้วยวิธีง่ายๆ เช่น การเสริมสร้างวิตามินซี (Vitamin C), วิตามินดี 3 (Vitamin D-3) และโคคูมิน (Curcumin) หรือสารสกัดจากขมิ้น เพื่อช่วยลดการอักเสบของร่างกาย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image