นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (ดีไอทีพี) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 กรมฯได้ปรับการทำงานเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์มากขึ้น โดยเฉพาะกิจกรรมส่งเสริมการค้า การส่งออกระหว่างประเทศ ซึ่งจากเดิมจะจัดให้มีการแสดงสินค้าโดยจะรวบรวมผู้ซื้อ ผู้นำเข้า และผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศมาเจอกัน เลือกซื้อและเจรจาการค้า แต่จากนี้จะเพิ่มกิจกรรมการค้า การส่งออกโดยผ่านการจัดแสดงสินค้า การเจรจาการค้าในระบบออนไลน์ โดยคาดว่าจะเริ่มจากกิจกรรมการแสดงสินค้าในกลุ่มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ โดยสินค้าที่จะนำมาแสดง เช่น ภาพยนตร์ และเกมส์ เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดกิจกรรมได้ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2563 เป็นกิจกรรมแรก ซึ่งจะเป็นการทดลองกิจกรรมที่เสมือนจริง เพื่อที่จะขยายออกไปสู่สินค้าและกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นในอนาคต
ทั้งนี้ กรมฯ ได้ปรับงานแสดงสินค้ามาใช้ในระบบออนไลน์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในระยะนี้ ซึ่งต่อไปจะพิจารณากลุ่มสินค้า กลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มตลาดให้สอดคล้องกับกิจกรรมมากขึ้น แม้จะไม่ได้แสดงสินค้าถึง 1,000 บูธ เหมือนกิจกรรมเดิมแต่จะกำหนดสินค้าให้ได้ 100 รายการ เพื่อเป็นช่องทางใหม่ที่จะสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ ส่วนงบประมาณในการจัดทำขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินงานซึ่งงบประมาณจะน้อยกว่ากิจกรรมปกติ
สำหรับ กลุ่มสินค้าได้มีความต้องการนำเข้าในช่วงโควิด-19 มีด้วยกัน 5 ประเภทคือ 1.สินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ข้าว สินค้าอาหารสำเร็จรูป กึ่งสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง เป็นต้น 2.สินค้าทางการแพทย์ เช่น ถุงมือยาง เสื้อคลุมทางการแพทย์ 3.สินค้าเพื่อสุขภาพ เช่น กระดาษชำระ บรรจุภัณฑ์บรรจุอาหารแบบกลับบ้าน น้ำยาทำความสะอาดต่าง ๆ 4.สินค้าเกี่ยวกับการตอบสนองในชีวิตประจำวันเพื่อความบันเทิง เช่น ภาพยนตร์ เกมส์ เป็นต้น และ5.สินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมขั้นกลาง เช่น ชิ้นส่วนยายยนต์ ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น โดยเป็นกลุ่มสินค้าที่ได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ หรือทูตพาณิชย์ รายงานเบื้องต้นสำหรับสินค้าที่เป็นที่ต้องการนำเข้าในขณะนี้ โดยจะเป็นโอกาสและช่องทางในการที่ไทยจะขยายการส่งออกในสินค้ากลุ่มนี้มากขึ้น
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลก ติดตามและรายงานสถานการณ์จากผลกระทบโควิด-19 อย่างใกล้ชิด โอกาส ปัญหา รวมไปถึงประสานผู้ประกอบการในต่างประเทศที่สนใจเพื่อให้มาร่วมงานแสดงสินค้าออนไลน์ด้วย ส่วนตัวเลขการส่งออกทั้งปีนั้น ถึงแม้จะยังไม่สามารถคาดการณ์ตัวเลขได้ แต่กรมฯจะพยายามทำให้ดีที่สุด และหวังว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวโดยเร็วจากผลกระทบในปัจจุบัน โดยเฉพาะตลาดจีน และสหรัฐฯ ที่ถือเป็นตลาดส่งออกหลักๆ ของไทย
