นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ปรับลดค่าธรรมเนียมยูโซ่ หรืออัตราการนำส่งเงินรายปีเข้ากองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กองทุน กทปส.) ซึ่งจะช่วยทำให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจปรับตัวลดลง
ขณะเดียวกัน การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กระทบภาครัฐ ธุรกิจ เศรษฐกิจ สังคม จนไปถึงการดิสรัปชั่นพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ต้องผ่านพ้นไปให้ได้ แต่ในวิกฤติยังมีโอกาสเสมอ โดยเฉพาะในส่วนของช่อง 8 เรือธงและหัวหอกของธุรกิจสื่อที่ทำรายได้เติบโตดีมาโดยตลอด แม้จะต้องเจอกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด แต่ด้วยวิสัยทัศน์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจบันเทิงที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ทำให้เราสามารถตั้งรับและวางแผนแก้แกมในช่วงวิกฤติได้อย่างรวดเร็ว โดยช่อง 8 เป็นช่องแรกที่งดการจัดรายการถ่ายทอดสดมวย งดกิจกรรม คอนเสิร์ต ช่อง 8 เฟสติวัล เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส นอกจากนี้ ประชาชนต้องทำงานที่บ้าน ดูโทรทัศน์เพื่อติดตามข่าวสารมากขึ้น ทำให้มีผู้ชมรายการในช่วงเวลา 08.00-19.00 น. เพิ่มมากขึ้น 10-15% ในไตรมาสแรก
นายสุรชัย กล่าวว่า ทั้งนี้ ช่อง 8 ยังดำเนินการภายใต้กลยุทธ์เก้าอี้สี่ขา ซึ่งเป็นกลยุทธ์บริหารความเสี่ยง ที่สร้างรายได้แบบค้ำยันซึ่งกันและกัน ด้วยการวางเป้าหมายสร้างรายได้ช่อง 8 ให้แข็งแรงจากศักยภาพภายใน ไม่พึ่งพารายได้ช่องทางใดมากเกินไป เพื่อสร้างการเติบโตตามที่ตั้งไว้ โดยใช้วิธีคิดและมองรายได้จาก 4 ช่องทาง ตามสัดส่วน ประกอบด้วย 1.ช่องทางการขายมีเดียและสปอนเซอร์ สัดส่วน 50% คือ มีการทำงานเชิงรุก มองลูกค้าเป็นพันธมิตรหลัก ช่วยเหลือและต่อยอดไอเดียการโฆษณาให้ลูกค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละรายที่มีโจทย์แตกต่างกัน 2.ช่องทางการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ เป็นการสร้างรายได้จากช่องทางออนไลน์ และพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ 25% 3.ช่องทางรายการขายสินค้าของอาร์เอสมอลล์ ผ่านรายการต่างๆ ของช่องในสัดส่วน 20% และ 4.ช่องทางการจัดกิจกรรมอีเวนท์ 5%
นางสาวนงลักษณ์ งามโรจน์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัจจุบัน มีการวางแผนเกี่ยวกับคนทำงาน โดยเน้นไปที่สวัสดิภาพของพนักงานเป็นหลักตามนโยบายของกลุ่มบริษัทอาร์เอส มีการจัดแบ่งกลุ่มคนมาทำงาน และทำงานจากที่บ้าน (เวิร์กฟรอมโฮม) สำหรับพนักงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับระบบออกอากาศ ในส่วนของธุรกิจ เราวางแผนรองรับแบบแผน A และ B คือการมองสถานการณ์แบบเป็นจริง และแบบที่สาหัสกว่าความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือแบบรอบด้าน ดังนั้น จะเห็นว่าจากกลยุทธ์ต่างๆ จึงทำให้ช่อง 8 ยังคงเติบโตแม้อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
นอกจากนี้ ช่อง 8 มีการปรับผังรับมือโควิด-19 ได้แก่ 1.ปรับทัพผู้ประกาศข่าวเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง เพิ่มรายการข่าวประเภทคอลัมน์เข้ามา เช่น ทันคนทันข่าว, รู้ฟ้าทันฝน เป็นต้น 2.ปรับผังรายการข่าวใหม่ ด้วยสัดส่วนเนื้อหาเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ถึง 65% ในรูปแบบการให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงในรายการข่าวแต่ละช่วง และมีการถาม-ตอบ ในช่วงข่าว เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ชม และช่วยไขความกระจ่างตามหน้าที่และจรรยาบรรณของสื่อมวลชนที่ดี เพื่อให้ผู้ชมได้รับข่าวสารที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์ในแต่ละวัน 3.สกู๊ปข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสหลังละครในช่วงเวลาไพร์มไทม์ ซึ่งช่อง 8 ได้ผลิตสกู๊ปเพื่อให้เกร็ดความรู้แก่ประชาชนตั้งแต่เดือนมีนาคมก่อนที่จะเกิดการระบาดอย่างหนักในเวลาต่อมา
4.เสริมความบันเทิงด้วยซีรีส์อินเดียเรื่องใหม่ นาคิน แค้นรักนางอรพิษ ซีรีส์แนวดราม่าแฟนตาซีแห่งปี กับเรื่องราวความรักครั้งใหม่ ที่แรงอาฆาตจะนำพาให้พบรักแท้ การันตีคุณภาพด้วยรางวัลชนะเลิศจากเวทีชั้นนำของอินเดีย ที่สร้างปรากฎการณ์ครองใจแฟนซีรีส์ในอินเดียมาแล้ว จนขึ้นเรทติ้งอันดับหนึ่งทุกตอน ทุ่มทุนสร้างมหาศาล ด้วยซีจีสุดตระการตา นำเสนอทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.00-19.00 น. เริ่มออกอากาศตอนแรกเมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดของการกลับมาของซีรีส์อินเดีย ที่เคยสร้างเรทติ้งถล่มทลาย อาทิ ลิขิตแค้นแสนรัก, แผนรักลวงใจ, พิฆเนศ ศึกมหาเทพไอยรา, สีดารามฯ เป็นต้น และ 5.สำหรับละครไทยนั้น กองละครมีการหยุดการถ่ายทำชั่วคราว เพื่อความปลอดภัย จึงนำละครฮิตที่มีเรทติ้งสูงสุดของช่อง เรื่องมณีนาคา และสางนางพราย กลับมาสร้างความสนุกอีกครั้งหนึ่ง