‘เจ้าสัวธนินท์’ มองโลกแง่ดี อีก 4 ปีไฮสปีดเทรนเสร็จ เศรษฐกิจโลกบูมก้าวกระโดดหลังวิกฤต เชื่อมนุษย์เก่งว่าทุกโรค

‘เจ้าสัวธนินท์’ มั่นใจไฮสปีดเทรน 4 ปีเสร็จ แนะ รบ.ไทยตั้งเป้าศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก

เมื่อวันที่ 16 เมษายน นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) แถลงข่าวผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ภายหลังเปิดเดินเครื่องโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยวันแรกและส่งมอบหน้ากากอนามัยจำนวน 100,000 ชิ้นให้กับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ตอนหนึ่งว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะนี้ไม่เกี่ยวกับทฤษฎี 2 สูง แต่เกี่ยวกับว่าเราจะป้องกันอย่างไร เชื่อว่าต้องมีวิธีเกิดขึ้น อาจเป็นรองเท้าก็ได้ เพราะเวลาไปไหนเราต้องใส่รองเท้า ไม่ใช่เท้าเปล่า กลายเป็นว่าคราวก่อนไม่ต้องใส่รองเท้า สามารถเท้าเปล่าได้ แต่ตอนนี้ต้องมีรองเท้ากันทุกคน อย่างไรก็ตาม โรคนี้ไม่ใช่เรื่องของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นปัญหาของโลก และถ้าเป็นปัญหาของโลกแล้ว มนุษย์ย่อมเก่งกว่า ผมยังเชื่อว่ามนุษย์เก่งว่าโรคใดๆ ที่เกิดขึ้น เพราะถ้าโรคเก่งกว่ามนุษย์คงตายหมดเกลี้ยงแล้ว ทั้งนี้ เชื่อว่าต่อไปนี้เราจะเจอโรคบ่อยขึ้น แต่เราก็เก่งขึ้น อุปกรณ์ดีขึ้น มีความรวดเร็วขึ้น ดังนั้น วันนี้ต้องผนึกกำลังของโลกมาช่วยกันคิดว่า ก่อนที่จะมีวัคซีนออกมานั้น เรามียารักษาก่อนหรือไม่ เพื่อทำให้หนักเป็นเบา

นายธนินท์กล่าวถึงการจัดสรรหน้ากากอนามัยของซีพีว่า เราพูดว่ามีจำนวน 3 ล้านชิ้น แต่อย่างน้อยจะมี 5 ล้านชิ้น เพื่อมอบให้บุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเขามีความจำเป็น พร้อมนำไปแจกจ่ายให้คนไข้ต่อไป ส่วนคนที่อยู่ในบ้าน ไม่มีโรค ก็ใช้ชีวิตปกติ ดังนั้น ผมถึงบอกว่าถ้าเราไม่มีเงินบริจาค เราอย่าไปเพิ่มภาระให้หมอ ให้สังคม ให้เราอยู่บ้าน ปกป้อง หลีกเลี่ยงไม่ให้ติด โรคนี้ก็จะหายไปเอง แต่ถ้ามัวไปเที่ยว ชุมนุม ไปดื่มเหล้าก็จะเอาโรคนี้ไปติดให้คนอื่น หรือเขานำมาติดให้เรา จนไปติดลูกเมีย เพื่อนฝูง ไม่มีวันจบ

นอกจากนี้ นายธนินท์ยังให้คำแนะนำถึงรัฐบาลต่อการฟื้นฟูประเทศหลังวิกฤตโควิด และการดำเนินโครงการต่างๆ ของซีพี ว่า ผมยังมองโลกในแง่ดี และรถไฟความเร็วสูงอีก 4 ปีกว่าจะสร้างเสร็จ ตอนนั้นเศรษฐกิจทั่วโลกจะบูม เพราะทุกครั้งหลังวิกฤตเศรษฐกิจจะบูมอย่างก้าวกระโดด และเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีอย่างคาดไม่ถึง ดังนั้น ถ้าจะดีเลย์ก็เพราะรัฐบาล ผมคิดว่าตอนนี้เรื่องโครงสร้างพื้นฐานเป็นส่วนที่เราเตรียมพร้อมที่เราต้องรับหลังวิกฤต ยืนยันว่าไม่หยุดก่อสร้าง เพราะเราเตรียมพร้อมอยู่แล้ว หากรัฐบาลสนับสนุนให้ทั่วโลกมั่นใจว่าโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟความเร็วสูง เราไม่หยุด อีอีซีเดินหน้าเต็มที่ พร้อมไปชักชวนคนเก่งจากทั่วโลกให้อินเซนเทีฟ ถามนักธุรกิจทั่วโลกว่าทำไมถึงยังจะมาเมืองไทย เพราะเรามีอัธยาศัยดี พื้นฐานดี คนนิสัยดี เป็นศูนย์ระดับโลก

ADVERTISMENT

“อาเซียน 10 ประเทศ มีประชากร 600 กว่าล้านคน เราเป็นศูนย์กลางระดับโลก บริเวณนี้มี 3 พันกว่าล้านคน ครึ่งโลกแล้ว และเจริญเติบโต เพราะมีทั้งจีนและญี่ปุ่นที่กำลังเติบโต และญี่ปุ่นเองก็รวยที่สุด ตามด้วยจีนที่กำลังเติบโต 1.4 พันล้านคน ตามด้วยอินเดียที่มีประมาณ 1.2 พันล้านคน หากอินเดีย 20 เปอร์เซ็นต์รวยเท่าคนอเมริกาและญี่ปุ่นได้แน่นอน ถ้าจีน 30 เปอร์เซ็นต์จะร่ำรวยกว่าอเมริกาอีก เพราะมี 1.4 พันล้านคน และใหญ่เท่ายุโรป แต่ถ้าบอกว่า 1.4 พันล้านคนรวยเท่ายุโรป อเมริกานั้นยาก วันหนึ่งต้องกระทบแน่ แต่ถ้าบอกว่า 30 เปอร์เซ็นต์รวยเท่า ก็ใหญ่เท่ายุโรป ใหญ่กว่าอเมริกา อีกทั้งรัสเซียเองก็อยู่ในภูมิภาคนี้” นายธนินท์กล่าว

นายธนินท์กล่าวว่า ที่น่าสนใจคือวัฒนธรรมของไทยนั้นน่าสนใจ ใครมาเที่ยวก็ชอบมาเที่ยวอีก พอมาอยู่ไทย 1-2 ปีก็ไม่กลับประเทศแล้ว ดังนั้น เรื่องนี้เราต้องรักษาไว้ และรัฐบาลต้องไม่ตั้งเป้าว่าจะเป็นเพียงศูนย์กลางอาเซียน เราต้องตั้งเป้าว่าเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก จีนกำลังรวยขึ้นอีก อินเดียไม่ใช่ว่าไม่เก่ง เพียงแต่เขามีวัฒนธรรมหลายอย่าง ทำให้ของเมืองไทยเยี่ยมสุด ผมสั่งกับทั่วโลกว่าเรามีวัฒนธรรมยอดเยี่ยม อย่าทิ้งวัฒนธรรมเหล่านี้ ต้องรักษาไว้ รับรองว่าการที่เราเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจโลกจะเกิดขึ้นได้แน่แท้ แต่รัฐบาลต้องเข้าใจ ต้องมีเป้าหมาย สื่อมวลชนก็ต้องช่วยกันคิดและชี้แนะรัฐบาล ต้องเปลี่ยนแปลงความคิดของนโยบายรัฐบาล พร้อมเติมเต็มด้วยโอกาส

ADVERTISMENT
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image