‘เคจีไอ’ ประเมินหุ้นไทยยังขึ้นไม่ได้มาก แม้โควิด-19 ส่งสัญญาณเชิงบวก

คลุกวงหุ้น : ‘เคจีไอ’ ประเมินหุ้นไทยยังขึ้นไม่ได้มาก แม้โควิด-19 ส่งสัญญาณเชิงบวก

นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในรายการคลุกวงหุ้นว่า ภาพรวมตลาดหุ้นประจำสัปดาห์นี้ ต้องติดตามปัจจัยหลักอย่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และมาตรการพยุงเศรษฐกิจในประเทศ โดยในช่วงที่ผ่านมา เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์มากขึ้น เนื่องจากประเทศหลักที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จำนวนมาก เริ่มกลับมาควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว อาทิ ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเชื่อว่าตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา น่าจะเป็นระดับสูงสุดแล้ว จึงน่าจะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตทยอยปรับลดลงได้ รวมถึงสหภาพยุโรป (อียู) ที่เริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมเกี่ยวกับโควิด-19 มากขึ้น ทำให้มีโอกาสที่จะได้เห็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดีขึ้น

นายรักพงศ์กล่าวว่า ในส่วนของสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย จากการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อที่อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ก็เริ่มสร้างความหวังว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่างๆ ของภาครัฐออกมาเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากจำนวนผู้ติดเชื้อปรับลดลงมากกว่านี้ในช่วงครึ่งหลังของเดือนเมษายนนี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตลาดหุ้นคงไม่ได้ตอบรับปัจจัยบวกดังกล่าวมากนัก เนื่องจากที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้แล้วในระดับหนึ่ง เพื่อตอบรับสัญญาณจำนวนผู้ติดเชื่อที่ปรับลดลง โดยต้องยอมรับว่าตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไทย จะปรับลดลงค่อนข้างมาก โดยฝ่ายวิจัยบล.เคจีไอ ประเมินว่าตัวเลขจีดีพีไทยทั้งปี 2563 จะติดลบ 8% ส่วนปี 2564 จะฟื้นตัวได้ค่อนข้างดี ภายใต้สมมุติฐานการเข้ามาสนับสนุนของเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ มูลค่ากว่า 1.9 ล้านล้านบาท และการผ่านจุดต่ำสุดของวิกฤตโควิด-19 ทั้งโลกในช่วงกลางปีนี้

“ทิศทางราคาน้ำมัน ประเมินว่าจะทรงตัวในระดับต่ำ เนื่องจากการปรับลดกำลังการผลิตล่าสุด 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไม่น่าจะเพียงพอในการปิดอุปทานส่วนเกินที่อยู่ในระดับสูง ช่วงที่เศรษฐกิจหดตัวในปัจจุบัน โดยแนะนำให้ติดตามการประชุมโอเปกอีกครั้งในเดือนมิถุนายนนี้ ว่าจะมีการปรับลดกำลังการผลิตลงหรือไม่ โดยภาพในระยะสั้นของราคาน้ำมัน เชื่อว่าตลาดยังเป็นภาพของการมีซัพพลายมากเกินกว่าความต้องการใช้ (ดีมานด์) ทำให้ราคาน้ำมันมีโอกาสปรับตัวลดลงได้ สำหรับปัจจัยเม็ดเงินจากกองทุนรวมเพื่อการออม (เอสเอสเอฟ) พิเศษ ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยที่เคลื่อนไหวกลับมาได้ค่อนข้างเร็ว จีงประเมินว่าไม่น่าจะมีความสนใจในการลงทุนกองทุนเอสเอสเอฟพิเศษจากนักลงทุนมากนัก แต่หากดัชนีหุ้นไทยปรับฐานลดลงในระยะถัดไปใกล้ๆ นี้ อาจกระตุ้นให้นักลงทุนสนใจกองทุนดังกล่าวมากขึ้นได้” นายรักพงศ์กล่าว

ส่วนหุ้นเด่นจะเป็นตัวไหน ต้องติดตามในรายการคลุกวงหุ้น!

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image