“เคจีไอ” ชี้หุ้นไทยตึงตัวหนัก เริ่มไม่ตอบสนองปัจจัยบวกใหม่ (ชมคลิป)

คลุกวงหุ้น : ‘เคจีไอ’ มองมูลค่าหุ้นไทยตึงตัวจัด เริ่มไม่ตอบสนองปัจจัยบวกใหม่ ให้กรอบเคลื่อนไหว 1,270-1,330 จุด

นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในรายการคลุกวงหุ้นว่า ภาพรวมตลาดหุ้นประจำสัปดาห์นี้ คาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัวไซด์เวย์ และน่าจะไม่สามารถปรับระดับขึ้นได้มากนัก เนื่องจากในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้อย่างสดใสและแข็งแกร่งมากแล้ว จนทำให้มูลค่าหุ้น (แวลูเอชั่น) อยู่ในระดับค่อนข้างสูง ทั้งที่ผลประกอบการไตรมาส 1/2563 ที่ออกมา ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจ ประเมินว่าไตรมาส 2 นี้ จะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจอ่อนแอที่สุด ทำให้ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาแล้วในช่วงที่ผ่านมา จะมีการปรับขนาดได้ค่อนข้างน้อย โดยตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจในส่วนของการไม่ตอบสนองปัจจัยบวกใหม่ๆ ที่เข้ามามากนัก อาทิ การทยอยเปิดเศรษฐกิจ และเปิดธุรกิจของประเทศต่างๆ รวมถึงล่าสุด ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ได้ประกาศคลายล็อกมาตรการล็อกดาวน์เฟส 2 โดยอนุญาตให้ห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง และขยายเวลาเคอฟิวส์เป็น 23.00-04.00 น. แต่ตลาดหุ้นไทยก็ไม่ได้ตอบสนองปัจจัยบวกดังกล่าวมากนัก จึงอาจสะท้อนให้เห็นว่า ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาค่อนข้างตึงตัว ทำให้ตลาดอยู่ในภาวะทรงตัว โดยคาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบระดับ 1,270-1,330 จุด

นายรักพงศ์กล่าวว่า ปัจจัยที่ต้องติดตามคือ สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะนี้มีความกังวลเกิดขึ้นหลังจากหลายประเทศได้ประกาศคลายล็อกดาวน์ โดยในระยะถัดไป หลายประเทศทั่วโลกได้ทยอยเปิดเศรษฐกิจ และลดความเข้มข้นของมาตรการคุมเข้มต่างๆ ซึ่งหลายประเทศก็เริ่มมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น อาทิ เกาหลีใต้ และจีน โดยประเด็นดังกล่าวก็ทำให้ตลาดหุ้นโลกมีความผันผวนและแกว่งตัวลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทยประเมินว่า ยังดูดีกว่าหลายประเทศทั่วโลก จึงเชื่อว่าหลังจากคลายล็อกดาวน์แล้ว ประเทศไทยจะไม่กลับมาเกิดการติดเชื้อระลอก 2 ขึ้น ทำให้ประเมินว่า ถึงแม้ราคาหุ้นจะค่อนข้างแพงแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่สามารถเลือกลงทุนได้ เพราะสถานการณ์โควิด-19 ที่ดีขึ้น น่าจะประคองให้ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในระดับ 1,300 จุดได้

“ในส่วนของกองทุนรวมเพื่อการออมกองพิเศษ (เอสเอสเอฟเอ็กซ์) ขณะนี้เม็ดเงินเข้าซื้อยังอยู่ในระดับที่น้อย จึงยังไม่มีนัยยะสำคัญในตลาดหุ้นไทย และประเมินว่าน่าจะเป็นปัจจัยอื่นที่มีน้ำหนักมากกว่า อาทิ ปัจจัยด้านพื้นฐานต่างๆ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเปิดเมือง และการฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง สำหรับกลยุทธ์ที่แนะนำในการลงทุน เนื่องจากประเมินภาพรวมตลาด มองว่าดัชนีคงไม่สามารถขยับไปได้มากนัก จึงให้เน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็ก ที่ได้อานิสงค์จากการกลับมาเปิดให้บริการของห้างสรรพสินค้า และการกลับมาทำงานปกติได้มากขึ้น และหุ้นกลุ่มที่ได้อานิสงค์จากราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้น รวมถึงหุ้นกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ที่มีความเชื่อมโยงกับธุรกิจและโรงงานในจีนด้วย” นายรักพงศ์กล่าว

ส่วนหุ้นเด่นจะเป็นตัวไหน ต้องติดตามในรายการคลุกวงหุ้น!

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image