นายนเรศ ผึ้งแย้ม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับข้อเสนอฟื้นฟูการบินไทย ที่เตรียมนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่มี พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จำนวน 2 ข้อ ประกอบด้วย 1.ลดการถือหุ้นของกระทรวงการคลังลง 50% และ2.นำเรื่องที่เสนอให้ คนร. เห็นชอบ เข้าสู่ศาลล้มละลาย นั้น มองว่า การบริหารที่ผ่านยังไม่ประสบความสำเร็จ ต่อให้มียาดีแค่ไหนก็แก้ไขไม่ได้ การเดินหน้าเข้าสู่ศาลล้มละลาย น่าจะเป็นวิธีที่จะฟื้นฟูองค์กรได้อย่างแท้จริง เนื่องจากเมื่อเข้าสู่กระบวนการศาลล้มละลายแล้ว ศาลจะดูแลควบคุมตามระบบ อาทิ เรื่องหนี้สิน เป็นต้น ซึ่งถือเป็นวิธีฟื้นฟูที่เป็นสากล และมีคนกลางเข้ามาฟื้นฟูองค์การได้ตรงตามเป้าหมาย
“เชื่อมั่นว่าการฟื้นฟูองค์กรตามขบวนการศาลล้มละลาย เราคิดว่าโอกาสที่การบินไทยจะกลับมามีกำไรในช่วง 1-2 ปีนี้ เพราะการบินไทยมีศักยภาพที่สามารถสร้างรายได้และทำกำไรได้ ถ้ามีการบริหารที่ดี ในส่วนของมาตรการที่จะลดหุ้นกระทรวงการคลัง ต้องดูว่ามีความจำเป็นที่จะไปลดหุ้นหรือไม่อย่างไร หากลดหุ้นเพื่อระดมเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องในปัจจุบัน หากมีความจำเป็นตรงนั้นก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ถ้ามีกาลดหุ้น การเปลี่ยนแปลงที่จะเห็นในอันดับแรกคือ สหภาพแรงงานฯ จะถูกยุบ แต่ต้องการยุบสหภาพแรงงานฯ และยุบกฎหมายของสหภาพแรงงานฯ รวมถึงทำให้แรงงานไม่มีกฎหมายคุ้มครอง หากเป็นเช่นนั้น ทางสหภาพแรงงานฯขอแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยเช่นเดิม” นายนเรศกล่าว
นายนเรศ กล่าวว่า สำหรับ ข้อสงสัยที่การบินไทยจะต้องยื่นคำร้องต่อศาลสหรัฐฯ หรือไม่นั้น ตามหลักแล้วต้องเป็นเจ้าหนี้เป็นคนยื่นต่อศาลล้มละลาย ของไทยจะเน้นตรงนั้น จะไม่เหมือนกฎหมายสากล ที่พอรู้ว่าองค์กรไปไม่รอดก็สามารถยื่นด้วยตนเองได้ ซึ่งขั้นตอนในการใช้กฎหมายสากล เจ้าหนี้ส่วนใหญ่ก็อยู่ในต่างประเทศ การที่จะยื่นต่อศาลสหรัฐฯ หรือไม่นั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ของไทยที่จะต้องพิจารณาว่าจะใช้ช่องทางไหนอย่างไร แต่ถ้าเราต้องการที่จะยื่น เจ้าหนี้ก็มีสิทธิ์ที่จะค้านเพื่อให้ได้เงินค่าความเสียหายอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย จึงอยากให้พิจารณาในหลายๆ ด้านต่อไป
