‘กรมชลฯ’ เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ หลังอุตุฯประกาศเข้าฤดูฝนปี’63
นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ว่า สภาพอากาศเนื่องจากพายุไซโคลน “อำพัน” บริเวณอ่าวเบงกอลตอนกลาง มีแนวโน้มที่จะเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวเบงกอลตอนบนและประเทศบังคลาเทศ ในช่วงวันที่ 20-21 พฤษภาคมนี้ ทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนและภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 22-24 พฤษภาคม มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง ส่วนภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง
สำหรับ สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ปัจจุบัน มีปริมาณน้ำในอ่างฯรวมกันประมาณ 33,956 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 45 ของความจุอ่างฯ เป็นน้ำใช้การได้ประมาณ 10,293 ล้าน ลบ.ม. สามารถรับน้ำได้อีกกว่า 42,000 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำรวมกัน 8,228 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 33 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 1,532 ล้าน ลบ.ม.
นายทวีศักดิ์ กล่าวต่อว่า ด้านแผนการจัดสรรน้ำฤดูฝนทั้งประเทศ ปัจจุบัน มีการใช้น้ำไปแล้ว 1,647 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 14 ของแผนจัดสรรน้ำฯ เฉพาะในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีการใช้น้ำไปแล้ว 542 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 17 ของแผนจัดสรรน้ำฯ ที่วางไว้
นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า กรมฯ สั่งการให้โครงการชลประทานในพื้นที่ เตรียมความพร้อมทั้งด้านเจ้าหน้าที่ เครื่องจักร เครื่องมือ ประจำจุดพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม รวมทั้งอาคารชลประทาน และประตูระบายน้ำต่างๆ ให้สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา โดยระยะนี้ปริมาณฝนอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี จะเน้อกักเก็บน้ำไว้ให้ได้มากที่สุด ตามศักยภาพของอ่างเก็บน้ำ ซึ่งจะควบคุมระดับน้ำด้านเหนือเขื่อนควบคู่ไปกับการระบายน้ำ จะต้องไม่กระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายน้ำ
นอกจากนี้ ยังให้สำรวจและจัดเก็บวัชพืชไม่ให้กีดขวางทางน้ำ เพื่อปริมาณน้ำจะสามารถไหลได้สะดวก ส่วนด้านการเพาะปลูกแม้กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว ขอให้เกษตรกรวางแผนการเพาะปลูกโดยคำนึงถึงปริมาณน้ำต้นทุนจากแหล่งน้ำของตนหรือแหล่งน้ำธรรมชาติ ประกอบกับปริมาณฝนตกสม่ำเสมอก่อน เนื่องจากน้ำชลประทานจะสำรองไว้ใช้เพื่อการอุปโภค-บริโภค รักษาระบบนิเวศเป็นหลัก จะใช้ด้านการเกษตรก็ต่อเมื่อเกิดฝนทิ้งช่วงเท่านั้น