“แผ่นดินทอง” เข้มมาตรการเข้าออกอาคารสำนักงานป้องโควิด

โกลเด้นแลนด์ ผู้นำอาคารสำนักงานใจกลางเมืองเพิ่มมาตรการเด็ด “PREVENTIVE – 10 ชั่วโมงแห่งการทำงานอย่างปลอดภัยห่างไกลโควิด-19”ใน 5 อาคารสำนักงานพร้อมให้พนักงานกว่า 20,000 คน กลับมาทำงาน 100% อย่างปลอดภัยเดินหน้ายกระดับความปลอดภัยอีกขั้นด้วยหุ่นยนต์ AI ปล่อยแสง UVC ฆ่าเชื้อโรค

นายวิทวัส คุตตะเทพ รองกรรมการผู้จัดการ สายโครงการเชิงพาณิชยกรรม บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ศบค.มีการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ระยะที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมาบริษัทก็ได้มีการออกมาตรการความปลอดภัยของผู้ใช้บริการอาคารสำนักงานที่เริ่มบังคับใช้ และหลายบริษัทเริ่มกลับมาทำงานที่สำนักงานเพิ่มขึ้นหลังจากลดจำนวนพนักงานเปลี่ยนไปทำงานจากบ้าน (Work from home) จากผลของการแพร่ระบาดโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้โกลเด้นแลนด์มีอาคารสำนักงานที่อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทฯ รวม 5 อาคาร ได้แก่ อาคารมิตรทาวน์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์ อาคาร   เอฟวายไอ เซ็นเตอร์ อาคารสาทรสแควร์ อาคารปาร์คเวนเชอร์ และอาคารโกลเด้นแลนด์ คิดเป็นพื้นที่รวมกว่า 200,000 ตารางเมตร ปัจจุบันมีพนักงานของบริษัทฯ ชั้นนำในหลากหลายธุรกิจใช้บริการมากกว่า 20,000 คน

นายวิทวัสกล่าวว่า โดยมาตรการ “PREVENTIVE – 10 ชั่วโมงแห่งการทำงานอย่างปลอดภัยห่างไกลโควิด-19” จะแบ่งเป็นช่วงเวลาดังนี้ ก่อนเริ่มงาน จะมีการตรวจวัดอุณหภูมิเจ้าหน้าที่อาคาร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่รักษาความสะอาด ก่อนปฏิบัติหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย เจ้าหน้าที่ที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้ใช้อาคารต้องมีอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลเพิ่มเติม เช่นถุงมือ หรือ Face shield จัดเตรียมเจลแอลกอฮอล์ล้างมือบริเวณ Reception Counter และหน้าโถงลิฟต์ชั้น G ทำความสะอาดจุดสัมผัสต่าง ๆ เช่น ราวจับประตู ราวจับบันไดเลื่อน ปุ่มกดลิฟต์ เป็นต้น ฝ่ายวิศวกรรมตรวจสอบความพร้อมของระบบต่าง ๆ เช่น ระบบลิฟต์ ระบบปรับอากาศ ระบบเข้า-ออก อัตโนมัติ

นายวิทวัสกล่าวว่า ช่วงเวลาเร่ิม ช่วงเว 08.00 – 9.00 น. จะตรวจวัดอุณหภูมิผู้ใช้อาคารทุกคนก่อนขึ้นอาคารหากอุณหภูมิเกิน 37.5 ขอสงวนสิทธิการขึ้นอาคาร ผู้ใช้อาคารต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา กำหนดระยะห่างในการผ่านทางเข้า-ออก อัตโนมัติ และระหว่างรอลิฟต์โดยสาร กำหนดจำนวนผู้โดยสารลิฟต์ต่อเที่ยว เว้นระยะห่าง และงดสนทนาระหว่างโดยสาร จัดเจ้าหน้าที่เพิ่มบริเวณ Lobby ชั้น G เพื่ออำนวยความสะดวกจัดคิวเว้นระยะห่าง จัดให้มีป้ายประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ เพื่อแนะนำข้อปฏิบัติเช่น มาตรการ Physical distancing การสวมหน้ากากอนามัย หรือการล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ สื่อสารให้ผู้ใช้อาคารมีความเข้าใจ หากมีความล่าช้าเนื่องจากมาตรการต่าง ๆ

นายวิทวัสกล่าวว่า ในช่วงเวลาทำงานตั้งแต่ 09.00 – 12.00 น. และ 13.00 – 18.00 น. มีการทำความสะอาดห้องน้ำเป็นประจำ โดยเน้นจุดสัมผัสต่าง ๆ จัดให้มีสบู่ล้างมือและกระดาษเช็ดมืออย่างเพียงพอใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดปุ่มกดลิฟต์ทุกชั่วโมง และสำหรับลิฟต์ที่มีการติดตั้งระบบ Destination control ยังช่วยลดการสัมผัสระบบเติมอากาศจากภายนอกมีการทำงานอัตโนมัติตามจำนวนผู้ใช้งาน เพื่อให้มีการถ่ายเทอากาศอย่างเพียงพอ และมีการกรองฝุ่น PM2.5 ผู้มาติดต่อทุกคนต้องผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าอาคาร กำหนดระยะห่างในการรอแลกบัตรขึ้นอาคารสำหรับผู้มาติดต่อ ทำความสะอาดบัตรขึ้นอาคาร และบัตรจอดรถสำหรับผู้มาติดต่อทุกรอบการใช้งาน บริษัทผู้เช่า มีการกำหนดมาตรการต่าง ๆ เช่น หลีกเลี่ยงการประชุมหรือรวมกลุ่มกันแออัด การกำหนดจุดทิ้งขยะติดเชื้อภายในบริษัทมีการรณรงค์ให้ล้างมือด้วยน้ำสะอาดและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ อย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี

ADVERTISMENT

ส่วนช่วงพักกลางวัน เวลา 12.00 – 13.00 น. มีจุดรับอาหารและสินค้าจากพนักงานส่งอาหารและสินค้าที่ชั้น G โดยมีการเว้นระยะห่างที่เหมาะสม กำหนดระยะห่างตามจุดสาธารณะต่าง ๆ เช่น จุดสูบบุหรี่ ห้องพักพนักงานขับรถ ร้านค้าภายในอาคาร มีการมาตรการลดการแพร่เชื้อ และปฏิบัติตามข้อแนะนำของรัฐบาลตรวจสอบเจลแอลกอฮอล์ สบู่ล้างมือ และกระดาษเช็ดมือให้เพียงพอ และช่วงเวลาหลังเลิกงาน บริเวณห้องขยะส่วนกลาง มีจุดทิ้งหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วเพื่อการกำจัดอย่างถูกวิธีมีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อพื้นที่ส่วนกลาง ห้องน้ำ ทางเดิน และจุดสัมผัสต่าง ๆ มีการพ่นฆ่าเชื้อ และ Big Cleaning อย่างสม่ำเสมอ ฆ่าเชื้อโรคด้วยรังสี UVC จากหุ่นยนต์ควบคุมการทำงานด้วยระบบ AI ตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์และระบบต่าง ๆ ของอาคารให้มีความพร้อมอยู่เสมอ ตรวจวัดอุณหภูมิบุคคลภายนอก และผู้รับเหมาตกแต่ง ทุกคน และมีการบันทึกประวัติการเข้าออกอาคาร ทำความสะอาดและบำรุงรักษาระบบปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ ติดตามสถานการณ์ มาตรการของภาครัฐ และปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง เพื่อความและพร้อมปรับเปลี่ยนมาตรการความปลอดภัยตามความเหมาะสม

“สำหรับธุรกิจอาคารสำนักงาน ถึงแม้ว่าหลายบริษัทฯ จะปรับตัวตามมาตรการระยะห่างระหว่างบุคคล (Physical Distancing) ของภาครัฐ โดยการปรับให้พนักงานทำงานที่บ้าน (Work from Home) มากขึ้น แต่รูปแบบการทำงานที่ทำงาน (Work at Office) ยังคงจำเป็นสำหรับการประชุม และการใช้พื้นที่ร่วมกันของพนักงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และช่วยเป็นแรงจูงใจในการทำงาน โดยแต่ละบริษัทฯ จะมีการปรับความยืดหยุ่นในการทำงาน (Work flexibility) มากขึ้น ทั้งนี้ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2563 มียอดผู้เช่าที่มองหาพื้นที่สำนักงานเกรด A ใจกลางเมืองเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาคารที่มีระบบระบายอากาศดี และมีมาตรการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 อย่างเข้มงวด ขณะเดียวกันผู้เช่าเดิมก็ยังคงต้องการใช้พื้นที่เท่าเดิม เนื่องจากต้องการจัดสรรพื้นที่สำหรับพนักงานต่อตารางเมตรให้มากเพียงพอกับมาตรการระยะห่างระหว่างบุคคล (Physical Distancing) ที่จะกลายเป็น New Normal ใหม่ในอนาคตต่อไป” วิทวัสกล่าว

ADVERTISMENT
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image