‘บลจ.ภัทร’ เสนอขาย 8 กองทุนเพื่อการออม หวังตอบโจทย์ความต้องการหลากหลายของลูกค้า

‘บลจ.ภัทร’  เสนอขาย 8 กองทุนเพื่อการออม หวังตอบโจทย์ความต้องการหลากหลายของลูกค้า

นายยุทธพล ลาภละมูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ภัทร จำกัด (บลจ.ภัทร) บริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เปิดเผยว่า บลจ.ภัทร เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออมเพิ่มเติมอีก 8 กองทุน ให้ผู้ลงทุนสามารถเริ่มลงทุนได้ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2563 ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมจากที่ได้เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออมของกองทุนเปิดภัทร สตราทิจิค แอสเซ็ท อโลเคชั่น (PHATRA SG-AA-SSF) ไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้ครอบคลุมนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกผสมผสานจัดพอร์ตการลงทุนได้ตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และความเหมาะสมของผู้ลงทุน อีกทั้งผู้ลงทุนยังสามารถนำมูลค่าซื้อหน่วยลงทุนในหน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออม (เอสเอสเอฟ) เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ไม่เกิน 200,000 บาท ภายใต้เงื่อนไขว่าเมื่อรวมกับกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ประกันบำนาญ และกองทุนเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ แล้วต้องไม่เกิน500,000 บาท ตามเงื่อนไขและวิธีการที่กฎหมายกำหนด

นายยุทธพลกล่าวว่า กองทุนรวมเพื่อการออมทั้ง 9 กองทุนข้างต้น เป็นการแบ่งชนิดหน่วยลงทุน จากกองทุนรวมที่มีอยู่ในปัจจุบันของ บลจ.ภัทร ครอบคลุมทุกประเภททรัพย์สิน ประกอบด้วย 1.กองทุนรวมตลาดเงิน (ความเสี่ยงต่ำ) 2.กองทุนตราสารหนี้ (ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ) 3.กองทุนผสม (ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง) 4.กองทุนตราสารทุน (ความเสี่ยงสูง) และ 5.กองทุนรวมหน่วยลงทุนอสังหาริมทรัพย์ (ความเสี่ยงสูงมาก)

ภาวะตลาดการลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศในช่วงนี้มีการฟื้นตัวดีที่ขึ้น เนื่องจากหลายประเทศเริ่มควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้มากขึ้น และทยอยเปิดดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้งแต่ยังมองว่าตลาดการลงทุนทั่วโลกในช่วงที่เหลือของปียังคงมีความผันผวนสูง เนื่องจากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคคาดว่าจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนกว่าจะมียารักษาหรือวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ทำให้ยังคงมีความเสี่ยงที่ธุรกิจซึ่งได้รับผลกระทบรุนแรงจากโควิด-19 อาจขาดสภาพคล่องและผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทั้งตลาดการลงทุนในตราสารหนี้และตราสารทุนทั่วโลก โดยมาตรการทางการเงินและการคลังที่รัฐบาลและธนาคารกลางของหลายประเทศประกาศใช้ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ช่วยให้มีสภาพคล่องเพิ่มในระบบจำนวนมหาศาล นับเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจ และตลาดการลงทุนโดยรวมได้นายยุทธพลกล่าว

นายยุทธพลกล่าวว่า สำหรับการลงทุนในกองทุนรวมเอสเอสเอฟ จะช่วยสร้างวินัยการลงทุนในระยะยาวให้กับผู้ลงทุนซึ่งกำหนดการถือหน่วยลงทุนเป็นเวลาอย่างน้อย 10 ปี และยังช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาว ซึ่งมองว่าการกระจายการลงทุนในทรัพย์สินที่หลากหลาย เป็นวิธีที่จะช่วยให้ผู้ลงทุนรับมือกับความผันผวนได้ดีขึ้น จึงได้นำเสนอหน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออม 9 กองทุน ที่ครอบคลุมทุกประเภททรัพย์สิน เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกผสมผสานจัดพอร์ตการลงทุนได้ตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และตอบสนองต่อเป้าหมายการลงทุนระยะยาว โดยผู้ลงทุนที่สนใจกองทุนเอสเอสเอฟ สามารถขอหนังสือชี้ชวน คู่มือการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออมและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารเกียรตินาคินทุกสาขา หรือ KKP Contact Center โทร. 02 165 5555 และบริษัทหลักทรัพย์ภัทร โทร. 02 305 9559 หรือ www.phatraasset.com หรือผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนที่ได้รับการแต่งตั้งตามหนังสือชี้ชวน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image