บีเอ็มX4 คูเป้ สไตล์สปอร์ตออฟโรด : โดย นายพล
บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เสริมทัพสมาชิกตระกูล สปอร์ตส แอคทิวิตี้ คูเป้ (Sports Activity Coupe) หรือเอสเอซี (SAC) ดีไซน์สไตล์คูเป้ เน้นในเรื่องประสิทธิภาพการขับขี่และเทคโนโลยีทันสมัย เปิดตัว บีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์4 เอ็กซ์ไดรฟ์20ดี เอ็ม สปอร์ต เอ็กซ์ (X4 xDrive20d M Sport X) มาพร้อมนวัตกรรมการขับขี่ล่าสุดจากบีเอ็มดับเบิลยู สปอร์ตโฉบเฉี่ยวขึ้นด้วยชุดแต่งเอ็ม สปอร์ต เอ็กซ์ (M Sport X)
บีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20d M Sport X ชูในเรื่องเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่างระบบประมวลผล บีเอ็มดับเบิลยู โอเปอเรติ้ง ซิสเต็ม 7.0 (BMW Operating System 7.0) ระบบแสดงผล บีเอ็มดับเบิลยู ไลฟ์ ค็อกพิท โปรเฟสชันนัล (BMW Live Cockpit Professional) และระบบเพื่อการเชื่อมต่อ บีเอ็มดับเบิลยู คอนเน็กต์ไดรฟ์ (BMW ConnectedDrive) เป็นโปรไฟล์ล่าสุดที่เติมความสปอร์ตและความสะดวกสบายครบครัน
ด้านรูปโฉมเป็นเอกลักษณ์ด้วยหลังคาลาดต่ำสไตล์คูเป้ตามแบบฉบับ สปอร์ตส แอคทิวิตี้ คูเป้ พร้อมชุดแต่ง เอ็ม สปอร์ต เอ็กซ์ หลอมรวมกลิ่นอายความสปอร์ตและสมรรถนะออฟโรดเข้าไว้ด้วยกัน
การขับขี่เฉียบคมยิ่งขึ้นด้วยคาลิเปอร์เบรก เอ็ม สปอร์ต มาพร้อมเทคโนโลยีการขับขี่ ทั้งกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround View Camera) ระบบจอภาพแสดงข้อมูลการขับขี่ (BMW Head-up Display)
ล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว ลาย ดับเบิล-สโปก (Double-spoke) และไฟหน้า อะแดปทีฟ แอลอีดี (Adaptive LED) พร้อมระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ (High-beam Assistant) กระจกพาโนรามาสามารถเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ดีไซน์ภายนอกพิเศษด้วยองค์ประกอบสีโฟรเซ่น เกรย์ (Frozen Grey) ตัดกันอย่างลงตัวกับวัสดุสีดำเงา บีเอ็มดับเบิลยู อินดิวิดวล ไฮ-กลอสส์ ชาโดว์ ไลน์ (BMW Individual high-gloss Shadow Line)
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบพร้อมเทคโนโลยี บีเอ็มดับเบิลยู ทวินเพาเวอร์ เทอร์โบ (BMW TwinPower Turbo) กำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์ / 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายใน 8 วินาที ความเร็วสูงสุด 213 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แม้ว่าจะเป็นรถค่อนข้างใหญ่ แต่ก็ให้ความคล่องตัวด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเอ็กซ์ไดรฟ์ (xDrive) ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ สเตปทรอนิก (Steptronic) 8 จังหวะ และด้วยเทคโนโลยี บีเอ็มดับเบิลยู เอฟฟิเชียนท์ไลท์เวท (BMW EfficientLightweight) X4 จึงมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศเพียง 0.30 ถือว่าโดดเด่นมากเมื่อเทียบกับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ประเภทเดียวกัน
ส่วนนวัตกรรมการขับขี่เพื่อเสริมสมรรถนะ ได้ทั้งออนโรดและออฟโรด ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วคงที่่พร้อมฟังก์ชั่นช่วยลดความเร็ว (CruiseControl with braking function) ระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant) ระบบควบคุมการขับขี่ขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control) ระบบช่วยนำรถเข้าที่่จอดอัตโนมัติ รุ่นพลัส (Parking Assistant Plus)
รวมทั้งระบบความปลอดภัย เช่น เซ็นเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor) ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side Impact Protection) ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่่อยล้าขณะขับขี่ (Attentiveness Assistant) และเซ็นเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง
ภายในห้องโดยสาร เบาะที่นั่งแบบสปอร์ตหนังแท้ เวอร์นาสก้า (Vernasca) พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นเอ็ม สปอร์ต พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ แผงคอนโซลหุ้มหนัง เซนซาเทค (Sensatec) ตกแต่งภายในด้วยอะลูมิเนียม รอมไบคิล ดาร์ก (Aluminium Rhombicle Dark) พร้อมแถบโครเมียม หรูหราด้วยชุุดไฟ แอมเบียนท์ ไลท์ (Ambient Light) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน และพื้นที่เก็บสัมภาระที่มีความจุถึง 525-1,430 ลิตร
ระบบความบันเทิงและการสื่อสารต่างๆ ควบคุมด้วยระบบปฏิบัติการล่าสุด บีเอ็มดับเบิลยู โอเปอเรติ้ง ซิสเต็ม 7.0 มีทั้งระบบ บีเอ็มดับเบิลยู ไลฟ์ ค็อกพิท โปรเฟสชันนัล เทคโนโลยีเพื่อการเชื่อมต่อโดย บีเอ็มดับเบิลยู คอนเน็กต์ไดรฟ์ ระบบไอไดรฟ์ (iDrive) ระบบการสั่งการด้วยเสียงและ บีเอ็มดับเบิลยู เกสเจอร์ คอนโทรล (BMW Gesture Control) จอแสดงผลการขับขี่ขนาด 12 นิ้ว หน้าจอ คอนโทรล ดิสเพลย์ (Control Display) ระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว และระบบจอภาพแสดงข้อมูลการขับขี่ (BMW Head-up Display)
บีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20d M Sport X จำหน่ายในราคาเดิม 3,999,000 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และแพคเกจ บีเอสไอ สแตนดาร์ด (BSI Standard) ประกอบด้วยการบริการบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร และการรับประกัน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
ถือว่าเป็นรถยนต์พันธุ์ผสมระหว่างความสปอร์ตและออฟโรด เหมาะกับคนที่มีกิจกรรมต้องขับรถลุยๆ ไปไหนมาไหนบ่อยๆ หรือวิ่งทางไกล ที่สำคัญต้องไม่มีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณด้วย รับรองงานนี้ได้ควบกันสนุกแน่นอน
นายพล
