“ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ปชป.” ชง 4 มาตรการฟื้นฟูศก.หลังโควิด

“อภิชัย เตชะอุบล” ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ประเมินผลโควิด-19 ลุกลามรุนแรงกว่าวิกฤตครั้งไหน เสนอ 4 มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

นายอภิชัย เตชะอุบล ในฐานะส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบลุกลามในวงกว้างครอบคลุมประชาชนในทุกกลุ่ม และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ นับว่ารุนแรงกว่าวิกฤตการณ์ครั้งไหน ๆ แม้แต่วิกฤตต้มยำกุ้ง หรือแม้แต่วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในสหรัฐอเมริกา นับเป็นเรื่องถูกต้องกรณีรัฐบาลขยายระยะเวลาการล็อกดาวน์ประเทศออกไปอีก 1 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถจำกัดการแพร่เชื้อไวรัสได้ ดังนั้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐมีความสำคัญ และจำเป็นอย่างมาก เพื่อบรรเทา เยียวยาและช่วยเหลือประชาชนในทุกกลุ่มครอบคลุมทุกภาคส่วน และต้องเร่งคลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่ขณะนี้  เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศภายหลังการปลดล็อกดาวน์ได้รับความบอบช้ำน้อยที่สุด  และให้สามารถฟื้นตัวเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

นายอภิชัยกล่าวว่า ในความคิดเห็นส่วนตัว ได้เสนอ 4 แนวทางฟื้นฟูเศรษฐกิจ ดังนี้1.ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพิ่มสิทธิลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดา สามารนำค่าใช้จ่ายจากการบริโภค ท่องเที่ยวในประเทศ ซ่อมแซมที่อยู่อาศัย นำมาลดหย่อยภาษีสำหรับปีภาษี 2562-2564 เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และเศรษฐกิจโดยภาพรวม ในเบื้องต้นอาจทำให้รัฐสูญเสียรายได้ในการจัดเก็บภาษี แต่ท้ายที่สุดเงินเหล่านี้จะกลับเข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ  2.ภาคอสังหาริมทรัพย์   ขณะนี้พบว่ามีอุปทานส่วนเกินหรืออาคารชุดค้างในตลาดไม่น้อยกว่า 500,000 ยูนิต ราคาเฉลี่ยยูนิตละ 6 ล้านบาท ภาครัฐควรออกมาตรการสนับสนุนเพื่อระบายอสังหาริมทรัพย์คงค้างดังกล่าว เพราะจะก่อให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจราว 3 ล้านล้านบาท รวมถึงก่อให้เกิดการสร้างงานตามมา แต่ทั้งนี้ยอมรับว่าขณะนี้คนในประเทศอาจขาดกำลังซื้อ หรือไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจ จำเป็นต้องหามาตรการจูงใจโดยอนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถพำนักในประเทศไทยได้ 10-20 ปี โดยไม่ต้องขอวีซ่า(Non-Immigrant Visa) กรณีซื้ออาคารชุดตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไปขณะเดียวกันควรออกมาตรการลดหย่อนภาษีค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์บ้านจาก 2% เหลือ0.01% ลดค่าธรรมเนียมการจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% และลดค่าภาษีธุรกิจเฉพาะจาก 3.3% เหลือ 0.11%

นายอภิชัยกล่าวว่า 3.การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Medical tourism และ แพทย์ทางเลือกแผนไทย โดยให้วีซ่า 1 ปี กรณีการขอผ่านโรงพยาบาล โดยให้กระจายโควต้า ไปในจังหวัดที่ได้รับการส่งเสริม เพื่อเป็นการกระจายรายได้สู่ที่พักในต่างจังหวัดและเพิ่มมูลค่าในการท่องเที่ยว ขณะเดียวกันเพิ่มจุดขายของ ประเทศไทยในการเป็นผู้นำด้านสาธารณสุขของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้ง เผยแพร่วัฒนธรรม วิถีชีวิตชาวพุทธที่จะช่วยเยียวยาให้กับผู้คนที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19

นายอภิชัยกล่าวว่า 4.เงินกองทุนประกันสังคม จากการที่ภาครัฐให้เงินสนับสนุนแรงงานที่ตกงาน โดยจ่ายในอัตรา 62 %ของเงินเดือนไม่เกิน 15,000 บาท นั้น มองว่าเงินจำนวนดังกล่าวไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ เสนอให้เพิ่มอัตราการจ่ายเป็น 80% ของเงินเดือน และขยายเพดานเงินเดือนของผู้ที่จะได้รับเงินอุดหนุน จากเดิมกำหนดให้ต้องมีเงินเดือนไม่เกิน 15,000 บาท เป็นไม่เกิน 50,000 บาท

Advertisement

“มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญ และดำเนินการโดยเร็ว เพราะหากดำเนินการล่าช้า อาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟู”นายอภิชัยกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image