‘ธปท.’ ชี้เครื่องยนต์เคลื่อนเศรษฐกิจพังทุกตัว หลังโควิด-19 ฉุดท่องเที่ยวูบ 100% คนว่างงานพุ่งแตะ 4.6 แสนราย

‘ธปท.’ ชี้เครื่องยนต์เคลื่อนเศรษฐกิจพังทุกตัว หลังโควิด-19 ฉุดท่องเที่ยวูบ 100% คนว่างงานพุ่งแตะ 4.6 แสนราย

นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่าย เศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยประจำเดือนเมษายน 2563 เป็นเดือนที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนจากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจหดตัวสูงขึ้น โดยเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจหดตัวเกือบทั้งหมด ได้แก่ การส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำหดตัวสูงขึ้น ติดลบ 15.9% สินค้าที่ติดลบมากๆ เป็นรถยนต์และสินค้าที่ผูกกับราคาน้ำมันดิบ และหากมองไปข้างหน้าไม่ว่าจะใช้นิยามใดก็ตาม ทิศทางยังดูไม่ค่อยดีมากนัก เนื่องจากเครื่องชี้นำของการส่งออก ทั้งการค้าโลกและสำรวจคำสั่งซื้อจากผู้ประกอบการ ยังควทิ้งดิ่งอยู่ สะท้อนให้เห็นว่าในอีก 1-2 เดือนจากนี้ การส่งออกสินค้าน่าจะเห็นการหดตัวที่มากขึ้น การบริโภคภาคเอกชน หดตัวสูงตามกำลังซื้อที่อ่อนแอลง และมาตรการปิดเมือง โดยเครื่องชี้วัดการบริโภคภาคเอกหดตัวลง 15.1% ถือเป็นการหดตัวสูงสุดตั้งแต่ทำดัชนีชี้วัดมา ส่วนการลงทุนภาคเอกชน หดตัวต่อเนื่องตามอุปสงค์และความเช่ือมั่นที่อ่อนแอลง การผลิตภาคอุตสาหกรรมและการนำเข้าสินค้า หดตัวสูงขึ้นตามการส่งออกสินค้า การบริโภค และการลงทุนภาคเอกชน ยกเว้นการใช้จ่ายของภาครัฐ ซึ่งเป็นองค์ประกอบเดียวท่ีขยายตัวได้ต่อเนื่อง ทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน ขณะที่ภายในเดือนเมษายน ที่ผ่านมา เป็นเดือนที่ภาครัฐเริ่มมีการทยอยจ่ายเงินเยียวยาให้ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิ-19 ซึ่งจะช่วยพยุงเศรษฐกิจในระยะต่อไปได้

ภาคการท่องเที่ยวหดตัว 100% เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเลย หลังจากรัฐใช้พ...ฉุกเฉิน และผลของมาตรการควบคุมการระบาดโควิด-19 ที่เข้มงวดทั้งในและต่างประเทศ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายภาคส่วนต้องหยุดลงชั่วคราว โดยต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทยค่อนข้างมาก โดยการหดตัวของเครื่องชี้วัดมีหลายตัวที่หดตัวลงแบบเป็นประวัติการณ์ ตั้งแต่มัการจัดทำมา ซึ่งหวังว่าจะไม่มีการสร้างประวัติการณ์ใหม่ขึ้นนายดอนกล่าว

นายดอนกล่าวว่า เสถียรภาพของเศรษฐกิจมีความเปราะบางมากขึ้น โดยจุดที่กังวลมากที่สุดเป็นเรื่องตลาดแรงงานเพราะหากประเมินจากข้อมูลของสำนักงานประกันสังคม มีผู้ขอรับสิทธิ์ว่างงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยในเดือนเมษายน มีผู้รับสิทธิ์ในสัดส่วนเพิ่มมาเป็น 1.8% จากเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา มีผู้รับสิทธิ์ในสัดส่วน 1.4% และในจำนวนผู้ขอรับสิทธิ์ว่างงานทั้งหมดมีสัดส่วน 16% ที่ถูกเลิกจ้าง ทำให้ธปท.มีความเป็นห่วงกลุ่มนี้ค่อนข้างมาก โดยการระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายกิจการต้องปิดชั่วคราว จากข้อมูลสำนักงานประกันสังคมตามมาตรา 75 คือสถานประกอบการหยุดกิจการชั่วคราวโดยให้ลูกจ้างหยุดงานแต่ได้รับเงิน 75% ของรายได้มีการเพิ่มขึ้นสูงถึง 5 เท่าในเดือนเมษายน อยู่ที่ 4.6 แสนราย จากเดือนมีนาคม มีจำนวนสถานประกอบการหยุดกิจการชั่วคราว 445 แห่งกระทบต่อลูกจ้าง 92,264 ราย ส่วนแรงงานในภาคเกษตร พบว่ามีรายได้หดตัวสูงขึ้น หลังได้รับผลกระทบจากภัยแล้งทำให้รายได้เกษตรเดือนเมษายน ติดลบกว่า 10.1% จากผลผลิตที่ออกมาน้อยลง ส่งผลให้ตลาดแรงงานทั้งในภาคเกษตรและนอกภาคเกษตรมีรายได้ลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อในประเทศสูงมาก

นายดอนกล่าวว่า แนวโน้มในเดือนพฤษภาคมนี้ แม้เศรษฐกิจไทยจะหดตัวในระดับที่สูงกว่าเดิม แต่ถือว่ามีการปรับดูดีขึ้นบ้าง หลังจากรัฐได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงการในหลายๆ ประเทศทั่วโลกด้วย แม้จะยังไม่มัการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ตาม โดยเครื่องยนต์ที่คาเหวังพึ่งพาได้เหลือเพียงตัวเดียวคือการใช้จ่ายภาครัฐเท่านั้น โดยรายจ่ายประจำขยายตัวตามการเบิกจ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการ โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ขณะที่รายจ่ายลงทุนขยายตัวจากการเบิกจ่ายทั้งในส่วนของรัฐบาลกลางและรัฐวิสาหกิจ ในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี แม้จะมีความเปราะบางมากขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบมากขึ้น จากอัตราเงินเฟ้อในหมวดพลังงานตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลง และมาตรการลดค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบให้ประชาชนของภาครัฐ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงเป็นบวกแต่ปรับลดลงต่อเนื่องสอดคล้องกับทิศทางของอุปสงค์ในประเทศ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image