ยานยนต์ : ปธ.นิสสันลั่น‘อี-เพาเวอร์’เจ๋ง คนไทยไม่ใช่‘หนูทดลองยา’
แม้ว่าสถานการณ์ค่ายนิสสันในตลาดรถยนต์โลกไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เพราะล่าสุดนิสสันประกาศจะลดกำลังการผลิตและจำนวนรุ่นรถยนต์ลง 1 ใน 5 เพื่อลดต้นทุนคงที่ 300,000 ล้านเยน ภายใต้แผนระยะเวลา 4 ปี ขณะที่บริษัทต่อสู้เพื่อความอยู่รอดในตลาดที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยนิสสันตั้งเป้าว่าจะมีอัตรากำไรจากการดำเนินงาน 5 เปอร์เซ็นต์ และส่วนแบ่งตลาด 6 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ นิสสันรายงานผลประกอบการปีงบประมาณที่ผ่านมา (สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.) ขาดทุน 4.5 หมื่นล้านเยน (ราว 12,000 ล้านบาท) ถือเป็นการขาดทุนครั้งแรกในรอบ 11 ปี
ขณะที่ยอดจำหน่ายรถยนต์อยู่ที่ 4.8 ล้านคัน ลดลง 13 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อน และเป็นการลดลงปีที่สองติดต่อกัน ทำให้บริษัทเสียตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับสองของญี่ปุ่น กลายเป็นตามหลังโตโยต้ากับฮอนด้า
สำหรับแผนฟื้นฟูธุรกิจ นิสสันและพันธมิตรอย่างเรโนลต์กับมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้ประกาศร่วมมือกันพัฒนาและผลิตรถยนต์เพื่อลดต้นทุนและให้กลุ่มอยู่รอดได้ต่อไป
แต่ดูเหมือนสถานการณ์ของนิสสันในประเทศไทยกลับมีแนวโน้มสวนทางกัน เมื่อนิสสันประกาศเปิดตัวนิสสัน คิกส์ อี-เพาเวอร์ (e-POWER) รถยนต์คอมแพค เอสยูวี ครั้งแรกในประเทศไทย เป็นการปฏิวัติระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หลังจากทำตลาดในประเทศญี่ปุ่นเป็นแห่งแรก และนิสสัน คิกส์ ใหม่ นี้จะผลิตในประเทศไทย
เทคโนโลยี อี-เพาเวอร์ ของนิสสัน รถยนต์จะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เครื่องยนต์สันดาปภายในจะทำหน้าที่เพียงผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับระบบ
เทคโนโลยี อี-เพาเวอร์ ประกอบไปด้วย เครื่องยนต์เบนซิน เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (generator) อินเวอร์เตอร์ (Inverter) มอเตอร์ไฟฟ้า (electic motor) และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion battery)
เอกลักษณ์ของเทคโนโลยี อี-เพาเวอร์คือ เมื่อต้องการเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นหรือขับขึ้นที่สูงชัน มอเตอร์ไฟฟ้าจะได้รับพลังงานไฟฟ้าจากทั้งแบตเตอรี่และอินเวอร์เตอร์เพื่อเพิ่มพละกำลัง ในขณะชะลอความเร็ว เครื่องยนต์จะหยุดทำงานและฟื้นฟูพลังงานด้วยการชาร์จพลังงานไฟฟ้ากลับสู่แบตเตอรี่ จนกระทั่งรถหยุดนิ่ง ทำให้ไม่มีการสิ้นเปลืองพลังงานจากการลดความเร็ว
เมื่อเร็วๆ นี้ นิสสัน ประเทศไทย ได้เปิดแถลงข่าวถึงการรุกเข้ามาทำตลาด อี-เพาเวอร์ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19
นายราเมช นาราสิมัน ประธาน นิสสัน ประเทศไทย กล่าวว่า นิสสัน คิกส์ อี-เพาเวอร์ ใหม่ ผลิตขึ้นที่ประเทศไทย มอบเทคโนโลยีระดับโลกที่ดีที่สุดของนิสสัน เทคโนโลยี อี-เพาเวอร์ ในนิสสัน คิกส์ ใหม่ ประกอบไปด้วย มอเตอร์ไฟฟ้า EM57 เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (generator) และอุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) ผลิตกระแสไฟฟ้าจากเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาด 1.2 ลิตร 12 วาล์ว 3 สูบ แถวเรียงแบบ DOHC (Double Overhead Camshaft) ระบบอี-เพาเวอร์ ให้กำลังสูงสุด 95 กิโลวัตต์ (129 พีเอส) แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร (Nm) และใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ที่มี 4 โมดูล เทคโนโลยีนี้ทำให้นิสสัน คิกส์ อี-เพาเวอร์ ใหม่ มอบอัตราเร่งราบรื่น ให้การขับขี่เงียบ ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ และมอบประสบการณ์การขับขี่เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า
เมื่อถามว่า นิสสันจะอธิบายให้ลูกค้าชาวไทยเชื่อมั่นได้อย่างไรว่า หากใช้นิสสัน คิกส์ อี-เพาเวอร์ จะไม่กลายเป็นหนูทดลองยา เพราะเป็นเทคโนโลยีใหม่ และแนวโน้มยานยนต์รุ่นใหม่จะมุ่งไปที่รถยนต์ไฟฟ้าหรืออีวี มากกว่า
นายราเมชชี้แจงว่า ยืนยันว่าไม่ใช่หนูทดลองยา ด้วยเหตุผล 3 ประการคือ เทคโนโลยี อี-เพาเวอร์ ของนิสสัน มีมาหลายปีแล้วในต่างประเทศ โดยเฉพาะในญี่ปุ่นได้ใช้มาประมาณ 3 ปีแล้ว นอกจากนี้เทคโนโลยีอี-เพาเวอร์มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ถูกมาก ในระยะเวลา 5 ปี มีค่าบำรุงรักษาอยู่ที่ 19,560 บาท และสุดท้าย นิสสันกำลังจะมีข้อเสนอด้านไฟแนนซ์ที่ทำให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของ นิสสัน คิกส์ อี-เพาเวอร์ ได้ง่ายขึ้น จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้
เมื่อถามว่า ประเมินสถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ปีนี้อย่างไรบ้าง นายราเมชกล่าวว่า ประเมินว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยจะฟื้นตัวในอีก 3 ปีข้างหน้า คาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะฟื้นตัวสอดคล้องกับเศรษฐกิจ ในปี 2563 นี้นิสสัน ประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไว้ว่าจะลดลงราว 30-35% คาดว่าจะมีปริมาณอยู่ที่ 6-6.1 แสนคัน เมื่อเทียบกับปีก่อนที่อยู่ที่ 1,007,552 คัน ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของอุตสาหกรรมยานยนต์และทุกอุตสาหกรรม สำหรับนิสสันไม่ว่าจะเป็นความช่วยเหลือในรูปแบบใดจากทางภาครัฐ ยินดีรับหมด เพราะถ้าจะให้นิสสันเสนอว่าต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนสิ่งใดบ้างคงจะมีรายการยาวมาก อย่างไรก็ตาม นิสสันยังคงยืนยันแผนการลงทุนตามที่ประกาศไว้อย่างต่อเนื่องจากปี 2562 มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท ใช้ลงทุนในโครงการ อีโคคาร์ เฟส 2 และ โครงการ อี-เพาเวอร์ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด โดยประเทศไทยยังคงเป็นฐานการผลิตสำคัญของนิสสันทั่วโลก ด้านสถานการณ์การผลิตของนิสสัน ของ 2 โรงงานในประเทศไทย ล่าสุดกลับมาสู่สภาวะใกล้เคียงปกติแล้ว โรงงานแห่งที่ 2 จะเริ่มเดินสายการผลิตในวันที่ 1 มิ.ย.นี้
นิสสัน คิกส์ อี-เพาเวอร์ ใหม่ มาพร้อม 6 สีภายนอกให้ลูกค้าเลือก ได้แก่ สีดำ แบล็ค สตาร์ (Black Star) สีขาว สตอร์ม ไวท์ (Storm White) สีแดง เรเดียนท์ เรด (Radiant Red) สีเทา กัน เมทัลลิค (Gun Metallic) สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์ (Brilliant Silver) และสีส้ม โมนาร์ช (Monarch Orange) นอกจากนี้ยังนำเสนอสี ทูโทนที่เป็นทางเลือกใหม่ให้แก่ลูกค้า มอบความรู้สึกหรูหรามากขึ้น ด้วยหลังคาแบบลอยตัวสีดำ โดดเด่นสะกดทุกสายตา ซึ่งมีให้เลือกเฉพาะในรุ่น VL สำหรับ 4 สีภายนอก สีส้ม โมนาร์ช สีแดง เรเดียนท์ เรด สีเทา กัน เมทัลลิค และสีขาว สตอร์ม ไวท์
ทั้งนี้ นิสสัน คิกส์ อี-เพาเวอร์ ใหม่ มี 4 รุ่นย่อย พร้อมราคาเริ่มต้นช่วงเปิดตัว ดังนี้ 1.2 ลิตร รุ่น S 889,000 บาท 1.2 ลิตร รุ่น E 949,000 บาท 1.2 ลิตร รุ่น V 999,000 บาท 1.2 ลิตร รุ่น VL 1,049,000 บาท
นิสสัน คิกส์ อี-เพาเวอร์ ใหม่ ทุกรุ่น มาพร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเป็นเวลา 10 ปี และรับประกันระบบไฟฟ้าเป็นเวลา 5 ปี และการรับประกันคุณภาพรถยนต์ ใหม่ เป็นเวลา 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน
