‘โกลเบล็ก’ ประเมินหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้น แนะดักทางช้อปหุ้นได้อานิสงค์รัฐปลดล็อกดาวน์เฟส 3

‘โกลเบล็ก’ ประเมินหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้น แนะดักทางช้อปหุ้นได้อานิสงค์รัฐปลดล็อกดาวน์เฟส 3

บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ประเมินดัชนีแกว่งตัวไซด์เวย์ขึ้น หลังปลดล็อกดาวน์เฟส 3 พร้อมจับตามีลุ้นปลดล็อคเฟส 4 เร็วๆ นี้ หลังสถานการณ์โควิค-19 เริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับล่าสุด พ.ร.ก. กู้เงิน 3 ฉบับ วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ผ่านฉลุย ขณะที่กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอจัดตั้งกองทุน 5 หมื่นล้านบาทอุ้มกลุ่มเอสเอ็มอี ด้านฝ่ายวิจัยประเมินการเคลื่อนไหวดัชนีในกรอบ 1,330 1,385 จุด พร้อมแนะดักทางหุ้นที่ได้อานิสงส์ มาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ เฟส 3 ชูหุ้น SPAMAJORCRCCPNSF-HMPRO น่าจับตา

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ประเมินว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นในลักษณะไซด์เวย์ขึ้น โดยมีแรงสนับสนุนจากการผ่อนคลายล็อกดาวน์ต่อเนื่อง หลังจากพบจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 น้อยลง และมีแนวโน้มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งก็มีโอกาสเห็นการผ่อนคลายต่อเนื่องในเฟส 4 โดยล่าสุดที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.ก. กู้เงิน 3 ฉบับ วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ประกอบกับกระทรวงการคลัง เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติจัดตั้งกองทุน 5 หมื่นล้านบาท เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่เข้าไม่ถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) ซึ่งจะส่งผลในเชิงบวกต่อภาคธุรกิจการลงทุน รวมถึงราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับขึ้น หลังจากกำลังการผลิตน้ำมันทั่วโลกปรับตัวลดลง และความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังจากหลายประเทศทยอยปลดล็อกดาวน์ ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีอยู่ในระดับ 1,330-1,385 จุด

“ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามคือ ปัจจัยกดดันจากต่างประเทศ อาทิ การชุมนุมประท้วงในฮ่องกง แม้กระทบกับประเทศไทยโดยตรงไม่มาก แต่เป็นความกังวลว่า อาจจะนำไปการปะทุครั้งใหม่ของสงครามการค้า (เทรดวอร์) ระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งเหตุจลาจลในสหรัฐอเมริกา หากมีการขยายวงกว้างและยืดเยื้ออาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และปัจจัยภายในประเทศจากความไม่แน่นอนของเสถียรภาพการเมือง ปัญหาภัยแล้งในประเทศที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อรายได้ และกำลังซื้อของเกษตรกรด้วย” นางสาววิลาสินีกล่าว

นางสาววิลาสินีกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังคงต้องจับตาการเปิดเผยตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ภาคบริการเดือนพฤษภาคม ของจีนในวันที่ 3 มืถุนายนนี้ เช่นเดียวกับอียู ที่จะมีการรายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพฤษภาคม อัตราว่างงานเดือนเมษายน และดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) เดือนเมษายน ร่วมทั้งสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพฤษภาคม ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพฤษภาคม และดัชนีภาคบริการเดือนพฤษภาคม รวมถึงยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนเมษายน สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ ส่วนวันที่ 4 มิถุนายน กระทรวงพาณิชย์จะแถลงสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยแพร่รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ฉบับย่อ ขณะที่ในต่างประเทศทางอียูจะมีการเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนเมษายน และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย รวมถึงสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดุลการค้าเดือนเมษายนด้วย

Advertisement

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากการปลดล็อคเฟส 3 ครั้งนี้ ทำให้หุ้นที่น่าจับตาว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการผ่อนคลาย ได้แก่ SPA , MAJOR , CRC , CPN, SF และ HMPRO

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ขณะที่ทิศทางราคาทองคำ ได้แรงบวกจากกรณีที่สหรัฐตัดสิทธิพิเศษฮ่องกง หลังจีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่เพื่อปกครองฮ่องกง นอกจากนี้ การเกิดเหตุจลาจลในสหรัฐกว่า 50 เมือง หลังชายผิวดำเสียชีวิตขณะที่ตำรวจผิวขาวเข้าจับกุม ส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าและหนุนให้ทองคำปรับตัวขึ้น ส่งผลให้ทางฝ่ายวิจัย คาดว่าราคาทองคำจะผันผวนในกรอบ 1,715 1,760 เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ หรือ 25,790-26,530 บาทต่อบาททองคำ โดยเน้นซื้อเมื่ออ่อนตัวและขายทำกำไรที่แนวต้าน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image