‘ทีเอ็มบี’ ประเมิน 4 เครื่องยนต์หลักเข็นเศรษฐกิจ ดับไปแล้ว 3 โดยเฉพาะท่องเที่ยวหดตัวหนักนับแต่ปี 40
นายนริศ สถาผลเดชา ผู้บริหารศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี (TMB Analytics) เปิดเผยว่า จากการระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจหลายประเภท การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไป จึงต้องประเมินเป็นรายประเภท เพื่อหาว่ากลุ่มธุรกิจใดที่จะสามารถฟื้นตัวกลับมาก่อนหรือหลัง โดยประเมิน จาก 4 เครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทย ได้แก่ 1.ภาคการท่องเที่ยว คิดเป็นสัดส่วน 17% ของจีดีพีรวม ซึ่งหากย้อนไปนับตั้งแต่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540 ยังไม่เคยเกิดการหดตัวของภาคการท่องเที่ยวมากเท่าปีนี้ โดยคาดว่าจะหดตัวที่ 45% 2.ภาคการส่งออก คิดเป็นสัดส่วน 54% ของจีดีพี คาดว่าจะหดตัวลง 14% และ 3.การนำเข้า คิดเป็นสัดส่วน 52% ของจีดีพี หดตัวลง 22% ส่วน 4.การบริโภคครัวเรือน คิดเป็นสัดส่วน 50% ของจีดีพี หดตัวลง 4% แม้จะไม่มากเท่าช่วงที่เกิดวิกฤตครั้งก่อน แต่ก็หดตัวไม่แตกต่างกัน
นายนริศกล่าวว่า เครื่องยนต์หลัก 3 ด้านคือ ภาคการท่องเที่ยว การส่งออก และการบริโภคครัวเรือน จะเห็นว่าเครื่องยนต์ได้หยุดลง โดยหากประเมินผลกระทบของภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเหล่านี้ แบ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบรุนแรง อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร สถานบันเทิง โรงหนัง เสริมสวย และอุตสาหกรรมยานยนต์ คิดเป็นสัดส่วน 30% ของจีดีพี มีการจ้างงาน 6.3 ล้านคน กลุ่มกระทบปานกลาง อาทิ ธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง การซ่อมแซมเครื่องจักร บริการสำหรับสำนักงาน ที่ปรึกษาเฉพาะทาง และธุรกิจก่อสร้าง คิดเป็นสัดส่วน 32% ของจีดีพี มีการจ้างงาน 8.5 ล้านคน ส่วนกลุ่มที่โดนกระทบน้อย ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร สินค้าอุปโภคและบริโภค ธุรกิจเทคโนโลยีและสื่อสาร คิดเป็นสัดส่วน 15.6% ของจีดีพี มีการจ้างงาน 1.5 ล้านคน
นายนริศกล่าวว่า ประเมินการฟื้นตัวของภาคธุรกิจและการจ้างงานไทย หลังคลายล็อกโควิด-19 มองว่าธุรกิจที่ต้องใช้เวลามากกว่า 6 เดือน ถึงจะสามารถฟื้นตัวได้ เป็นธุรกิจประเภท ร้านอาหาร ยานยนต์และชิ้นส่วน อสังหาริมทรัพย์ สินค้าแฟชั่น เหล็ก โรงแรม ธุรกิจบันเทิงและกีฬา ธุรกิจการบินและการขนส่งทางอากาศ รวมมีการจ้างงานในระบบ 5 ล้านคน ทำให้การกลับมาช้าจะกระทบต่อการงานจ้างในช่วงถัดไป ส่วนธุรกิจที่ฟื้นตัวได้ใน 3-6 เดือน ได้แก่ การบริการธุรกิจ รับเหมาก่อสร้าง อาหารและเครื่องดื่ม การขนส่งผู้โดยสารและสินค้าทางบก-ทางเรือ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ พลังงาน ซึ่งรวมมีการจ้างงานในระบบ 6.4 ล้านคน
“กลุ่มที่สามารถฟื้นกลับมาได้ใน 3 เดือน ได้แก่ สินค้าอุปโภคและบริโภค ทั้งขายปลีกและขายส่ง โรงพยาบาล คลินิกและยารักษาโรค ไฟฟ้า ไอทีและเทเลคอม ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ และบรรจุภัณฑ์กระดาษ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่เป็นความหวังในการจูงธุรกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้ รวมมีการจ้างงานในระบบ 4.8 ล้านคน โดยเชื่อว่าจะสามารถดึงกลับมาเร็ว เพราะแม้จะอยู่ในช่วงล็อกดาวน์ แต่ธุรกิจเหล่านี้ยังสามารถเดินหน้าต่อได้ดีอยู่” นายนริศกล่าว
