หุ้นไทยทะยานไกล บวก 36.83 จุด มูลค่าการซื้อขายทะลุ 122,562.18 ล้านบาท สูงสุดรอบ 1 ปี
วันที่ 4 มิถุนายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นวันนี้ว่า หุ้นเคลื่อนไหวในแดนบวก โดยเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ 1,352.37 จุด ปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 1,406.34 จุด ก่อนปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 1,411.01 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 36.83 จุดหรือ 2.68% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,413.54 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,393.21 ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่122,562.18 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 3,879.95 ล้านบาท นักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 3,879.95 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 2,469.57 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายสุทธิ 7,826.23 ล้านบาท
โดยนายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทย ปิดตัวในแดนบวก โดยดัชนีปรับระดับขึ้นอย่างร้อนแรง สาเหตุจากความคาดหวังเม็ดเงินการลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ที่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นความคาดหวังในเชิงบวกของตลาดหุ้นไทย หลังจากในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ต่างชาติซื้อหุ้นไทยแล้วกว่า 9 พันล้านบาท ซึ่งตั้งแต่ต้นปีต่างชาติมีสถานะขายสุทธิแล้วกว่า 1.9 แสนล้านบาท โดยมูลค่าการซื้อขายวันนี้ถือว่าสูงสุดในรอบปี ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษถาคม ปี 2562 ที่มีการปรับน้ำหนักหุ้นไทยของการเข้าคำนวณในดัชนีราคาหุ้นชั้นนำของโลก (เอ็มเอสซีไอ) โดยหุ้นที่ปรับนำตลาดเป็นหุ้นกลุ่มแบงก์ หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
“ปัจจัยที่ต้องติดตาม เป็นเรื่องค่าเงินบาท โดยการที่หนัด์โฟลว์ไหลเข้า จะทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่ามากขึ้น และสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน ที่ยังมีประเด็นอยู่ แต่ตลาดไม่ได้ให้น้ำหนักมากนัก เพราะตอบรับปัจจัยเชิงบวกระยะสั้นแทน อาทิ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาพรวม การกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งในหลายประเทศทั่วโลก และการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของไทย แต่สุดท้ายแล้วป้จจัยนี้จะกลับมากดดันตลาดอีกครั้ง โดยดัชนีที่ปรับขึ้นมาประเมินว่าจะเป็นภาพระยะสั้น เพราะมูลค่าหุ้นไทย (แวลูเอชั่น) ค่อนข้างตึงตัวมากแล้ว ส่วนกลยุทธ์ที่แนะนำในการลงทุนคือ ทยอยขายหุ้นในพอร์ตถือครองออกมาก่อน เพราะหุ้นปรับขึ้นมาสูงมากแล้ว โดยเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มปลอดภัย ที่ยังปรับราคาช้ากว่าตลาดรวม ได้แก่ หุ้นกลุ่มสื่อสาร อาทิ แอดวานซ์ อินทัช หรือหุ้นกลุ่มค้าปลีก อาทิ ซีพีออลล์” นายณัฐพลกล่าว
