นายสัญชัย คูเอกชัย รองกรรมการผู้จัดการ คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาบรรยากาศการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไทยยังทรงตัวต่อเนื่อง จาก 2-3 ปีก่อนหน้า โดยมีนักลงทุนต่างชาติที่สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอยู่มากพอสมควรและมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และไม่มีความกังวลใจเรื่องการลงทุนเนื่องจากมีการศึกษาสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงในประเทศไทยอยู่ตลอด ทำให้เข้าใจ และสามารถปรับตัวต่อบรรยากาศการลงทุนในประเทศได้ดี มีความคุ้นชินกับตลาด และการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของประเทศไทย อาทิ นักลงทุนจีนที่เน้นการเข้ามาลงทุนในรูปแบบการร่วมทุนกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไทย หลายโครงการทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ทางด้านนักลงทุนญี่ปุ่น เป็นทุนจากต่างชาติที่น่าจับตามองมาก โดยหลังจากการเข้ามาของนักลงทุนรายใหญ่ในปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดการผลักดันจากรัฐบาลญี่ปุ่น กระตุ้นให้เกิดการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยที่มากขึ้น ทั้งทางด้านของที่อยู่อาศัย โรงแรม พื้นที่ค้าปลีก และสำนักงานให้เช่า ที่คาดว่าจะเกิดบรรยากาศการลงทุนที่ดีในอนาคต ทั้งนี้การเข้ามาของนักลงทุนญี่ปุ่นกลุ่มนี้ ยังสามารถต่อยอดธุรกิจทางด้านตลาดอุตสาหกรรมการผลิตอื่นๆ อีกด้วย
นายสัญชัยกล่าวว่า สิ่งที่น่าจับตามองคือ หลังจากการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ จะเกิดการเคลื่อนไหวของภาคเอกชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องมีการทยอยเปิดตัวโครงการใหม่ๆ หรือเพิ่มนโยบายกระตุ้นการขายที่มากขึ้น ปรับโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย เพื่อสร้างรายได้ และผลกำไรในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้เป็นไปได้มากที่การเพิ่มขึ้นของอสังหาริมทรัพย์จะมีผลกระทบต่อโอกาสการทำกำไรของนักลงทุนบางประเภท โดยยังต้องมุ่งเป้าไปที่ข้อจำกัดอีกส่วนคือ การปล่อยสินเชื่อจากธนาคาร ซึ่งข้อจำกัดนี้อาจจะมีส่วนช่วยในการลดซัพพลาย และช่วยปรับให้เกิดความสมดุลที่มากขึ้นในตลาดในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้า
“ปัจจุบันผลตอบแทนทางด้านการลงทุนยังสามารถดึงดูดนักลงทุนได้พอสมควร เนื่องจากผลตอบแทนการฝากธนาคารต่ำ นักลงทุนจึงต้องหาช่องทางการลงทุนเพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มของเงิน ทั้งนี้นักลงทุนหลายรายโดยเฉพาะนักลงทุนระดับบน ยังคงมองหาช่องทางใหม่ๆเพื่อกระจายการลงทุนมากขึ้น อาทิ เช่นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ ทั้งในอังกฤษ ยุโรป ที่มีผลตอบแทนค่อนข้างสูง ทั้งนี้ษริษัทได้รับเป็นตัวแทนขายการลงทุนรูปแบบใหม่ๆ เช่น การเป็นเจ้าของที่จอดรถสำหรับสนามบินต่างๆในอังกฤษ ซึ่งมีผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 8% ต่อปี ทั้งนี้การที่อังกฤษออกจากยุโรปยังเป็นปัจจัยเสริมสำหรับการลงทุนในอังกฤษ เนื่องจากค่าเงินปอนด์ที่ลดลง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้การลงทุนในต่างประเทศมีความคึกคักขึ้น” นายสัญชัยกล่าว
