‘ทีเอชเอ’ หนุนรัฐเคาะ 2 แพคเกจท่องเที่ยวทันใช้เดือน ก.ค. เชื่อดึงดูดใจขาเที่ยวได้มาก

‘ทีเอชเอ’ หนุนรัฐเคาะ 2 แพคเกจท่องเที่ยวทันใช้เดือน ก.ค. เชื่อดึงดูดใจขาเที่ยวได้มาก

นางศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางสมาคมฯ ยังไม่ได้หารือร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) หรือกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ถึงแพคเกจที่จะออกมาในมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ภายใต้การของบประมาณจากพ.ร.ก.เงินกู้ โดยเบื้องต้นมองว่า หากรูปแบบของแพคเกจออกมาไม่แตกต่างจากที่ ททท.ได้บอกไว้เบื้องต้น 2 แพคเกจคือ 1. กำลังใจ เพื่อตอบแทนบุคลากรที่ปฏิบัติงานแนวหน้าในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อาทิ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จำนวน 1,200,000 คน โดยจะสนับสนุนงบประมาณสำหรับการศึกษาดูงาน (3 วัน 2 คืน) ผ่านบริษัทนำเที่ยวในประเทศ และ 2.เท่ียวปันสุข โดยจะให้เป็นบัตรกำนัลดิจิทัล สำหรับการเดินทางท่องเท่ียวภายในประเทศ ซึ่งต้องเป็นการเดินทางข้ามจังหวัดเท่านั้น โดยจะให้กับประชาชนท่ัวไปที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 4 ล้านคน เพื่อใช้เป็นส่วนลดในการเข้าพักที่เข้าร่วมกับโครงการ โดยหากรูปแบบแพคเกจออกมาไม่แตกต่างจากนี้มากนัก มองว่าน่าจะสามารถช่วยกระตุ้นได้ เพราะจำนวนเงินก็ถือว่ามากพอที่จะดึงดูดใจคนชอบเที่ยวได้ แต่ปัญหาอยู่ตรงที่ ยังไม่รู้ว่าวิธีการและรายละเอียดที่จะออกมาเป็นแบบใด การใช้คูปองและสถานประกอบการหรือที่พักจะต้องดำเนินการอย่างไร ตอนนี้ก็อยากให้เคาะแพคเกจออกมาชัดเจนก่อน เพื่อให้ภาคเอกชนเตรียมพร้อมในการรองรับการเริ่มต้นกลับมาท่องเที่ยวในประเทศอีกครั้งต่อไป

นางศุภวรรณกล่าวว่า หากมีแพคเกจออกมากระตุ้นการท่องเที่ยว น่าจะสามารถดึงดูดใจได้มาก เพราะไม่มีการเดินทางเลยในช่วง 2 เดือนกว่าที่ผ่านมา คนน่าจะอัดอั้นมากพอสมควร เมื่อทุกอย่างดูดีขึ้น ประกอบการรัฐมีการซัพพอร์ตส่วนลดในการเดินทางท่องเที่ยวด้วย ก็น่าจะเป็นแนวโน้มที่ดีขึ้นของการท่องเที่ยวไทย แต่หากเทียบภาคท่องเที่ยวของตลาดไทยเที่ยวไทยทั้งปีนี้กับปี 2562 คงไม่สามารถเทียบกันได้ เพราะประเมินว่าจะฟื้นตัวกลับมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยอาจฟื้นจากช่วงต่ำสุดขึ้นมาได้บ้างไม่มากก็น้อย สิ่งที่กังวลและเป็นห่วงมากในตอนนี้คือ กำลังซื้อของคนในประเทศ เพราะแม้รัฐบาลจะออกแพคเกจดึงดูดใจมากขนาดไหน แต่หากคนไม่มีเงินที่จะใช้จ่ายจริงๆ มาตรการเหล่านั้นคงเห็นผลยาก อย่างไรก็ตาม มองว่ายังมีคนที่มีกำลังซื้อและสามารถใช้จ่ายอยู่บ้าน โดยเป็นกลุ่มคนชนชั้นกลางขึ้นไป หรือคนที่ยังมีเงินเดือนมีรายรับอยู่ กลุ่มคนเหล่านี้น่าจะต้องการอยากออกเที่ยวอยู่แล้ว ซึ่งมองว่ารัฐบาลควรหันมากระตุ้นให้คนกลุ่มนี้เดินทางให้มากที่สุด เพื่อให้เม็ดเงินที่ใช้จ่ายผ่านการเดินทางท่องเที่ยวหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น เนื่องจากหากไปกระตุ้นกับกลุ่มคนที่ไม่มีกำลังซื้ออยู่แล้ว ก็คงจะทำได้ไม่ยากนัก

นางศุภวรรณกล่าวว่า สำหรับวันหยุดชดเชยสงกรานต์ที่อาจนำมาบรรจุไว้ในเดือนกรกฎาคมนี้ มองว่าหากเป็นเช่นนั้น แพคเกจกระตุ้นท่องเที่ยวจะต้องรีบออกมาให้ทันเดือนกรกฎาคมด้วย ควรเห็นความชัดเจนในเดือนนี้ เพื่อเป็นส่วนช่วยกระตุ้นในการตัดสินใจเดินทางมากขึ้นของคนในประเทศ ขณะที่เดือนกรกฎาคม เป็นช่วงหน้าฝน ซึ่งการเดินทางท่องเที่ยวมักติดตรงหน้าฝน เพราะคนไทยปกติไม่ได้ชอบอากาศชื้นและความแฉะ เพราะเมื่อฝนตกก็ไม่สามารถเดินทางไปเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวได้ ต้องอยู่แต่ในที่พัก ซึ่งการไปเที่ยวในรูปแบบนี้คงไม่มีความสุขมากนัก โดยตัวแพคเกจกระตุ้นท่องเที่ยวที่จะออกมา อยากให้มีความครอบคลุมมากที่สุด เพราะอยากให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมและได้ใช้ส่วนนี้ไปเที่ยวกัน แต่ก็ต้องดูด้วยว่ากำลังซื้อขณะนี้มีมากน้อยเท่าใด เพราะกำลังซื้อตอนนี้สำคัญจริงๆ

“สัญญาณการเดินทางท่องเที่ยวในตอนนี้ยังไม่ชัดเจนมากนัก แม้จะเห็นการเดินทางมากขึ้นในจังหวัดใกล้กรุงเทพฯ อาทิ พัทยา บางแสน แต่ไม่สามารถนับเป็นสัญญาณการฟื้นตัวได้ เพราะเป็นทริปแบบไปเช้าเย็นกลับ ไม่มีการพักค้างแคม ทำให้การใช้จ่ายไม่ได้สะพัดมากนัก โดยคาเหวังว่าการปลดล็อกดาวน์เฟส 4 น่าจะทำให้ทุกอย่างกลับมาเกือบเป็นปกติ บวกกับมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวของรัฐ น่าจะทำให้เกิดการเดินทางข้ามจังหวัดในระยะไกล การพักค้างแรม และการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นได้” นางศุภวรรณกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image