หั่นค่าโดยสาร 50% จ้างเอกชนเดินรถแทน ‘คนร.’ อนุมัติฟื้นฟู ขสมก.แก้หนี้ท่วม 1.2 แสนล้าน ชง ครม.เดือนนี้

หั่นค่าโดยสาร 50% จ้างเอกชนเดินรถแทน ‘คนร.’ อนุมัติฟื้นฟู ขสมก.แก้หนี้ท่วม 1.2 แสนล้าน ชง ครม.เดือนนี้

ขสมก. เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน จับตาแผนฟื้นฟู ขสมก. อีกรัฐวิสาหกิจที่ต้องรื้อใหญ่ หลังจากนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนว่า กระทรวงคมนาคมได้เสนอแผนฟื้นฟูกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยแผนดังกล่าวเป็นการปรับปรุงแผนเดิม ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เคยอนุมัติเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2562 ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้พิจารณาปัญหาที่เกิดขึ้น พบว่ามีทั้งหมด มี 5 เรื่อง คือ 1.สถานะทางการเงินขาดทุนสะสมตั้งแต่ปี 2519 ซึ่งแต่ละเดือนขาดทุนประมาณ 300 กว่าล้านบาท ส่งผลให้มีภาระหนี้สินรวมอยู่ที่ประมาณ 1.2 แสนล้านบาท 2.เรื่องสภาพของรถโดยสาร ปัจจุบันรถที่ ขสมก.ใช้และเป็นทรัพย์สินของ ขสมก.เองมีอายุมากกว่า 20 ปี มีสภาพเก่า ทรุดโทรม โดยอีกประมาณ 3 ปีรถเหล่านี้จะไม่มีอะไหล่ซ่อม เพราะบริษัทรถเลิกผลิต ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งปัญหา

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า 3.โครงสร้างองค์กรมีขนาดใหญ่ พนักงานมีจำนวนมาก ซึ่งก็จะต้องมาพิจารณาเรื่องของแผนบุคคลเพื่อไม่ให้เป็นปัญหาของ ขสมก. 4.ต้นทุนการดำเนินงานสูง และ 5.การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศของโลกพัฒนาไปมาก ดังนั้น จะต้องมีการใช้เทคโนโลยีมาตรวจสอบการดำเนินงาน เดินรถของ ขสมก.ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การปรับปรุงแผนฟื้นฟู ขสมก.มีเป้าหมาย 5 ด้าน คือ 1.ลดคาครองชีพประชาชน โดยปัจจุบันเก็บค่าโดยสารต่อเที่ยวตามระยะทางตั้งแต่ 15, 20 และ 25 บาท หากแผนฟื้นฟูอนุมัติ จะเปลี่ยนไปเป็นบัตรเติมเงิน คือ ตั๋ววันและตั๋วเดือน ซึ่งตั๋ววันประมาณ 30 บาทต่อวัน ส่วนตั๋วเดือน แบ่งเป็น ตั๋วนักเรียน 630 บาท/เดือน หรือ 21 บาทต่อวัน บุคคลทั่วไป 720 บาทต่อเดือน หรือ 24 บาทต่อวัน ผู้สูงอายุถ้าเป็นตั๋ววันลด 50% เมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบัน ค่าโดยสารจะถูกลงไม่น้อยกว่า 50% เพราะตั๋ว 30 บาทสามารถนั่งรถเมล์ได้ทั้งวัน 2.การบรรเทาปัญหาจราจรติดขัด เนื่องจากปัจจุบันมีปัญหาการทับซ้อนระหว่างรถเมล์ ขสมก.และรถร่วม แต่ละเส้นทางมีรถหลายสายเป็นปัญหาต้นทุนด้วย การดำเนินการใหม่จะไม่ทับซ้อน นอกจากการปฏิรูปเส้นทางแล้ว ก็ขอดำเนินการในเรื่องของบัสเลน ในถนนที่มีศักยภาพ 6 ช่องจราจรขึ้นไป และมีเกาะกลางถนน ที่มีศักยภาพในการสร้างที่จอดรถเมล์ โดยจะวิ่งตรงเลนชิดเกาะกลางถนน เพื่อไม่ให้มีปัญหารถติดกับรถอื่นๆ

“แผนฟื้นฟูใหม่แตกต่างจากแผนปี 2562 ในบางประเด็น คือ 1.รถเมล์ เดิม ขสมก.จัดหารถ ซื้อหรือเช่า และรถเป็นของ ขสมก. ทำให้ต้นทุนการบำรุงรักษายังเป็นของ ขสมก.และเกิดขาดทุนสะสม แผนใหม่ เช่าวิ่งตามระยะทาง โดยเอกชนจะต้องติดจีพีเอสเพื่อคำนวณว่าวิ่งในระยะทางเท่าไหร่ เบื้องต้นได้ประสานกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่อแสดงให้เห็นว่ารถคันนั้นบริการยังไง ผู้โดยสารเท่าไหร่ เพื่อให้ผู้โดยสารเปิดดูได้ด้วยว่ารถมีที่นั่งไหม และเพื่อให้รู้ว่ารถมีเพียงพอบริการหรือไม่” นายศักดิ์สยามกล่าว และว่า ในเรื่องของการแก้ไขปัญหาขาดทุนของ ขสมก.นั้น ตามแผนเดิมที่ ครม.อนุมัติปี 2562 ขสมก.จะมีกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อมราคา (อีบิทดา) เป็นบวกใน 3 ปี แต่แผนใหม่เป็นบวกใน 7 ปี เนื่องจากแผนเดิมเก็บค่าโดยสารปกติ แต่แผนใหม่จะเก็บวันละ 30 บาท รายได้จะลดลง แต่วิธีนี้ ขสมก.จะไม่ต้องซื้อรถ เพราะจะใช้วิธีเช่าจ้างตามระยะทาง ให้เอกชนร่วมประมูล เสนอราคาวิ่งตามราคากิโลเมตรเท่าไหร่ เอกชนรายใดเสนอราคาต่ำสุดก็รับสัญญาดำเนินการ ซึ่งกำหนดไว้สัญญาละ 7 ปี ต่อ 1 วงรอบ มีการประมูลใหม่ทุก 7 ปี นอกจากนี้ยังลดกำลังคนได้ด้วยจากปัจจุบัน 1 คัน ใช้คน 4.65 คน แต่แผนใหม่จะใช้ 2.75 คน เท่านั้น

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ คนร.มีมติรับหลักการดำเนินการของ ขสมก. แต่ให้ ขสมก.กระทรวงคลัง และสำนักงานบริหารหนี้ ไปพิจารณาตัวเลขให้ชัดเจนก่อนนำเสนอเข้า ครม. ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำเสนอได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้ หาก ครม.อนุมัติ ได้กำหนดไว้ว่าในเดือนกรกฎาคม 2563 จะดำเนินการจัดทำเอกสารเชิญชวน(ทีโออาร์) เพื่อประกาศเชิญชวนเอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการรับจ้างวิ่งตามระยะทาง โดยคาดว่าว่าจะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จได้ในเดือนกันยายน 2563 จากนั้นจะลงนามในสัญญาให้เสร็จในเดือนกันยายน สำหรับรถคันแรกของ ขสมก.จะเข้ามาในเดือนมีนาคม 2564 ใช้เวลาทั้งสิ้น 15 เดือน เพื่อดำเนินการครบ 2,511 คัน เพื่อเข้ามาวิ่งเต็มพื้นที่ 108 เส้นทาง ส่วนรถรถร่วมเอกชนใช้เวลาดำเนินการ 5 เดือน 300 คัน จากทั้งหมด 1,500 คัน โดยจะเริ่มเข้ามาในเดือนพฤษภาคม 2564 และจะส่งมอบครบ 300 คันในเดือนกันยายน 2564 และครบทั้งหมดกันยายน 2565

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image