“สนธิรัตน์”เกาะติดแอลพีจีตลาดโลก หากปชช.ยังลำบากพร้อมขยายมาตรการลดราคาที่จะสิ้นสุด24 มิ.ย. พร้อมเดินหน้าบล็อกเชนซื้อขายปาล์มโดยปตท.นำร่องสัปดาห์นี้ก่อน ชี้ประเด็นการเมืองคนละเรื่องกับหน้าที่ ลั่นเดินหน้าทำงานใช้พลังงานดูแลค่าครองชีพประชาชนต่อเนื่อง
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงมติคณะกรรมการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.)ที่เห็นชอบลดราคาก๊าซหุงต้ม 3 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) หรือ ลดราคา 45 บาทต่อถังขนาด 15 กก. เป็นเวลา 3 เดือน ครบกำหนดวันที่ 24 มิถุนายน 2563 ว่า การจะต่ออายุมาตรการดังกล่าวออกไปอีกหรือไม่ต้องขอดูภาพรวมโดยเฉพาะทิศทางราคาตลาดโลก และความเดือดร้อนของภาคประชาชนคลี่คลายลงมากน้อยเพียงใด โดยฐานะสุทธิกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 34,548 ล้านบาท ซึ่งกบน.ประเมินจะสามารถตรึงราคาแอลพีจีระดับดังกล่าวได้ถึงสิ้นปีนี้
“การลดราคาดังกล่าวเกิดจากนโยบายต้องการช่วยเหลือลดผลกระทบค่าครองชีพจากช่วงการระบาดของโควิด-19 แต่ก็ต้องยอมรับว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจทำให้ความต้องการใช้ทั้งน้ำมันและก๊าซหุงต้มต่ำกว่าแผนงานเดิม ทำให้ยอดการอุดหนุนต่ำกว่าประมาณการเช่นเดียวกัน ส่วนกรณีที่ราคาน้ำมันตลาดโลกเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นสูงเพราะหลายประเทศทั่วโลกคลายการปิดเมือง(ล็อกดาวน์) ทางกระทรวงฯได้มอนิเตอร์อย่างใกล้ชิด ซึ่งราคาน้ำมันที่ขยับขึ้นหน้าปั๊มของไทยเป็นไปตามเกณฑ์ของกลไลตลาด”รมว.พลังงานกล่าว
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการนำระบบบล็อกเชนมาสนับสนุนการซื้อขายปาล์มทั้งระบบเพื่อให้ราคาปาล์มที่เกษตรกรได้รับมีความเป็นธรรมนั้น สัปดาห์นี้จะเริ่มทดสอบระบบบล็อกเชนในการซื้อขายไบโอดีเซล บี100 โดย ทาง บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) จะรับซื้อจาก 3 โรงงานไบโอดีเซล โดยฐานะกองทุนน้ำมันฯ วันที่ 7 มิถุนายน เงินบัญชีน้ำมัน 40,852 ล้านบาท บัญชีแอลพีจีติดลบ 6,304 ล้านบาท ส่งผลต่อฐานะกองทุนสุทธิ 34,548 ล้านบาท โดยเงินดูแลแอลพีจีไหลออกประมาณเดือนละ 248 ล้านบาท และดูแลน้ำมันไหลออกประมาณ 353 ล้านบาท โดยไหลออกต่ำกว่าประมาณการณ์เพราะยอดใช้ไบโอดีเซล บี 10 อยู่ที่ 16 ล้านลิตรต่อวัน ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 20 ล้านลิตรต่อวัน
“ประเด็นทางการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐก็เป็นเรื่องทางการเมือง ผมยังทำหน้าที่ในงานของด้านพลังงานต่อเนื่องเป็นปกติ และหวังจะใช้งานด้านพลังงานในการคลี่คลายผลกระทบค่าครองชีพของประชาชน”นายสนธิรัตน์กล่าว
