‘พิพัฒน์’ เล็งเสนอ ‘ศบค.’ ปลดล็อกรับต่างชาติเข้าไทยเฉพาะกลุ่มนักธุรกิจ-คนไข้โรงพยาบาล

‘พิพัฒน์’ เล็งเสนอ ‘ศบค.’ ปลดล็อกรับต่างชาติเข้าไทยเฉพาะกลุ่มนักธุรกิจ-คนไข้โรงพยาบาล

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ภายในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ จะมีการประชุมของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) หรือ ศบค. กระทรวงท่องเที่ยวฯ จะมีการนำเสนอมาตรการจับคู่ประเทศท่องเที่ยว หรือแทรเวล บับเบิล รวมถึงการปลดล็อกให้ต่างชาติเดินทางเข้ามาในระยะเริ่มต้นก่อน 2 กลุ่มได้แก่ กลุ่มนักธุรกิจ ที่มีบริษัทในประเทศไทย หรือจำเป็นต้องเดินทางมาทำงานในประเทศไทย โดยจะต้องมีเอกสารรับรองจากสำนักงานใหญ่ หรือหน่วยงานที่สามารถรับรองการเข้ามาได้จริง เพื่อให้สามารถตรวจสอบที่ได้ หากเดินทางเข้ามาในประเทศไทยแล้ว และกลุ่ม 2 เป็นบุคคลที่ต้องการเข้ามาใช้บริการหรือต้องการเข้ารักษาในโรงพยาบาลไทย โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งส่วนมากเป็นกลุ่มคนในประเทศเพื่อนบ้าน ที่นิยมเข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชนในประเทศ โดยการเดินทางเข้ามาจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กระทรวงสาธารณะสุขกำหนดไว้ อาทิ นักธุรกิจ จะต้องมีเอกสารรับรองว่า การเดินทางเข้าประเทศไทย มาเพื่อทำงานจริงๆ และต้องมีใบรับรองแพทย์ในการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่ประเทศต้นทาง และมาถึงต้องรับการตรวจหาเชื้ออีกครั้ง โดยเป็นการตรวจตามมาตรฐานเพื่อหาเชื้อจริงๆ ไม่ใช่เป็นการวัดไข้หรือวัดอุณหภูมิเท่านั้น ส่วนกลุ่มที่ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล ก็จะนำไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนรับการรักษาต่อไป

“เบื้องต้นประเมินว่า น่าจะปลดล็อกให้เข้ามาได้ หลังจากที่น่านฟ้าเปิดแล้วภายในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ซึ่งก็อยากให้เข้ามาภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เพราะจะเป็นการเริ่มต้นเดินทางที่เร็วขึ้น แต่ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเข้มข้น เพื่อควบคุมไม่ให้โควิด-19 กลับมาระบาดในประเทศไทยอีก” นายพิพัฒน์กล่าว

นายพิพัฒน์กล่าวว่า สำหรับแพคเกจในมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่า มี 2 แพคเกจคือ 1.กำลังใจ โดยการชวนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เที่ยวฟรี เพื่อตอบแทนในการเป็นด่านหน้ารับมือกับโรคระบาด โดยจะเป็นการศึกษาดูงานข้ามจังหวัด ซึ่งรัฐจะสนับสนุนให้เป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท และ 2.เที่ยวปันสุข ที่จะให้เป็นบัตรกำนัลดิจิทัล ซัพพอร์ตส่วนต่างในการท่องเที่ยวข้ามจังหวัดในประเทศ โดยสามารถใช้เป็นส่วนลดในการเข้าพัก ร้านอาหาร หรือบริการอื่นๆ ได้ โดยรัฐจะสนับสนุนให้เป็นจำนวนเงิน 3,000 บาท ส่วนเงื่อนไขหรือรายละเอียดในการใช้งาน ต้องรอนำเข้าเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในวันที่ 16 มิถุนายนนี้ก่อน หลังจากนั้นน่าจะมีการเปิดเผยความชัดเจนออกมามากขึ้น

ทั้งนี้ ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2563 นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป 100% เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้รัฐบาลต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในวันที่ 26 พฤษภาคม ส่งผลให้สถานการณ์การท่องเที่ยว 5 เดือนแรกปี 2563 (ม.ค.-พ.ค.) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยจำนวน 6.69 ล้านคน ลดลง 59.97 % หรือลดลง 10.02 ล้านคน จากช่วงเดียวกันของปี 2562 รายได้รวมจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 3.32 แสนล้านบาท ลดลง 59.57% หรือลดลง 4.89 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ขณะที่สถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศ ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ก็แทบจะไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่มีการเดินทางระหว่างกัน ส่งผลให้ตลอด 5 เดือนแรกของปีคือ หรือตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2563 จำนวนนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทย มีจำนวน 40.15 ล้านคน ลดลง 58.19% หรือลดลง 55.88 ล้านคน จากช่วงเดียวกันของปี 2562 ส่งผลให้รายได้ของนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทยมีประมาณ 1.91 แสนล้านบาท ลดลง 57.86% หรือลดลง 2.63 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562

Advertisement

สำหรับปี 2563 คาดว่ารายได้จากการท่องเที่ยวรวมจะเป็น 1.23 ล้านล้านบาท ลดลง 60% หรือลดลง 1.78 ล้านล้านบาท จากปี 2562 มีรายได้รรวม 3.01 ล้าลานบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2561 2.37% แบ่งเป็นสานการณ์นักท่องเที่ยวต่างประเทศ39.79 ล้านคน รายได้ 1.93 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทย มีจำนวน 166.84 ล้านคน-ครั้ง รายได้ 1.08 ล้านล้านบาท

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image