หุ้นไทยปิดเขียว บวก 9.05 จุด แนะกลยุทธ์ซื้อดักกลุ่มได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้น ศก.ของภาครัฐ
วันที่ 17 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นวันนี้ว่า หุ้นเคลื่อนไหวในแดนลบสลับบวก โดยเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ 1,367.13 จุด ปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 1,365.98 จุด ก่อนปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 1,376.18 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 9.05 จุด หรือ 0.66% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,381.00 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,358.27 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 71,555.79 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 2,082.84 ล้านบาท นักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 156.35 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 1,860.54 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศขายสุทธิ 378.65 ล้านบาท
โดยนายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิจัย บริษัท หลักทรัพย์ (บล.) เอเชียพลัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยปิดในแดนบวกสอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาค ที่ส่วนใหญ่ปิดเขียว ยกเว้นญี่ปุ่นที่ปิดลบเนื่องจากตัวเลขภาคการส่งออกหดตัว 6.4% สาเหตุเพราะตลาดตั้งความหวังว่าหลายประเทศจะกลับมาเปิดประเทศและกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัว สำหรับปัจจัยในประเทศไทย สถานการณ์โควิด-19 ไม่พบว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจึงคาดว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะทยอยกลับมาฟื้นตัว ขณะที่สภาพคล่องส่วนเกินในระบบอยู่ในระดับสูง ส่วนหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมานำตลาดเป็นกลุ่มโรงไฟฟ้า ได้แก่ GULF, GPSC, EA, BGRIM รวมถึงกลุ่มอาหาร ได้แก่ CPF โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง โดยหุ้นที่ปรับตัวขึ้นส่วนใหญ่เป็นกลุ่มขนาดเล็กมากกว่าขนาดใหญ่ เป็นภาพของการสลับกลุ่มเล่น
“ปัจจัยที่ต้องติดตามคือ ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐ การประชุมโอเปคพลัสที่จะมีขึ้นในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ การประชุมธนาคารสวิตเซอร์แลนด์ ธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางบราซิล ซึ่งคาดว่าจะใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายและการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนกลยุทธ์ที่แนะนำในการลงทุนคือ เน้นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยประเมินกรอบแนวรับ 1,350 จุด แนวต้านที่ 1,400 จุด” นายฐกฤตกล่าว
