‘ทีเส็บ’ เผยโควิด-19 ฉุดรายได้อุตสาหกรรมไมซ์วูบ 60% เร่งฟื้นตลาดในประเทศเต็มกำลัง

‘ทีเส็บ’ เผยโควิด-19 ฉุดรายได้อุตสาหกรรมไมซ์วูบ 60% เร่งฟื้นตลาดในประเทศเต็มกำลัง

นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลได้ประกาศมาตรการคลายล็อกดาวน์เฟส 4 ออกมา ทีเส็บได้ตอบรับโดยการเร่งเดินหน้าส่งเสริม และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการธุรกิจไมซ์ ศึกษามาตรการและวิธีปฏิบัติตามการเปลี่ยนแปลงวิถีใหม่ (นิวนอร์มอล) เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถกลับมาเริ่มต้นจัดงานได้ปลอดภัย โดยหลักแล้วธุรกิจไมซ์มี 3 ด้าน ได้แก่ การจัดอีเว้นท์ จัดประชุมสัมมนา และการจัดงานแสดงสินค้า ซึ่งในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ มีสัญญาณในการกลับมาจัดงานเริ่มต้นจัดงานใหม่อีกครั้งแล้ว แม้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มีผู้ประกอบการทยอยยกเลิกและเลื่อนการจัดงานแสดงสินค้าเกือบทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่จะพยายามให้เป็นการเลื่อนจัดงานแทนการยกเลิก เพื่อให้หลังจากพ้นวิกฤตการระบาดไวรัสโควิด-19 แล้ว ผู้ประกอบการสามารถกลับมาจัดงานแสดงสินค้าได้ทันที ซึ่งก็เก็บไว้ได้ประมาณ 90 รายการที่จะวางแผนไว้ว่าจะจัดงานภายในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการในประเทศ โดยหากรวมตัวเลขการจองจัดงานประชุมสัมมนา อีเว้นท์ และจัดแสดงสินค้า ทั้งในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพฯ หรือในต่างจังหวัด มีการจองแล้วเกือบ 1,000 งาน

“ตอนนี้สถานที่จัดงานทั่วประเทศมีความพร้อมมาก ทั้งโรงแรมที่มีห้องประชุม ศูนย์จัดแสดงสินค้า หรือห้างสรรพสินค้าที่สามารถรองรับการจัดกิจกรรมต่างๆ ขาดแค่เพียงการประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นอย่างเข้มข้นเท่านั้น ซึ่งเชื่อว่าหากสร้างความเชื่อมั่นกลับมาได้ จะเกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนเพิ่มเติมสูงมาก รวมถึงในเดือนกรกฏาคม เป็นต้นไป เตรียมจัดแคมเปญ ประชุมเมืองไทยปลอดภัยกว่า เพื่อกระตุ้นให้เกิดการประชุมขององค์กรก่อน โดยเฉพาะองค์กรของภาครัฐ และสมาคม สภาบันการศึกษา หอการค้า ในการจัดประชุมสัมมนา เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของรายได้ก่อน” นางศุภวรรณกล่าว

นางศุภวรรณกล่าวว่า ในระยะถัดไป ต้องเตรียมพร้อมในการดึงตลาดต่างชาติ เข้ามาจัดงานในประเทศไทย เนื่องจากธุรกิจไมซ์มีรายได้เข้าสู่ประเทศไทยมากกว่าการท่องเที่ยวทั่วไป 3-4 เท่า จึงต้องพยายามดึงต่างชาติกลับเข้ามาอีกครั้ง แต่ความสำคัญคือ เมื่อตลาดต่างชาติกลับมาแล้ว จะทพอย่างไรให้เกิดความปลอดภัย ทั้งการนำต่างชาติเข้ามา และคนไทยที่เข้าร่วมงานด้วย โดยในระยะถัดไปจะมีการทำมาตรการสำหรับการดูแลนักเดินทางในกลุ่มไมซ์ ที่จะเดินทางเข้ามา หลังจากนั้นจะนำเสนอต่อภาครัฐต่อไป สำหรับในภาพรวม สิ่งต้องการให้เกิดขึ้นมากที่สุดคือ การกระตุ้นให้เกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และภูมิภาคเร็วที่สุด เนื่องจากรายได้ที่จะลงสู่ภาคส่วนเหล่านั้นผ่านการจัดงานแสดงสินค้า ประชุมสัมมนา หรืออีเว้นท์ต่างๆ หายไปกว่า 60% การกระตุ้นผู้ประกอบการในประเทศ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด โดยขณะนี้แม้การผ่อนปรนจะเกิดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่อนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาในประเทศไทย ทำให้เป้าหมายที่วางไว้ว่าจะสามารถสร้างรายได้เดิม อยู่ที่ 220,000 ล้านบาท แบ่งเป็นต่างชาติในธุรกิจไมซ์เข้ามาคาด 1.2 ล้านคน คนไทย 29 ล้านคน-ครั้ง รายได้น่าจะลดลงไปประมาณ 60% แต่รายได้ที่จะกระตุ้นขึ้นมาได้หลังจากนี้ จะเป็นรายได้จากในประเทศ แต่สัดส่วนการใช้จ่ายของคนไทยไม่เท่าต่างชาติ จึงคาดว่าทั้งปี 2563 จะเหลือรายได้ประมาณ 162,000 ล้านบาทเท่านั้น โดยผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น่าจะทำให้รายได้ที่ลงสู่ท้องถิ่นลดลงจาก 540,000 ล้านบาทเหลือ 200,000 กว่าล้านบาท

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image