นายสิทธิโชค นพชินบุตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวภายหลังเพิ่งรับตำแหน่งมา 50 วันถึงภารกิจหลัก ว่า ตั้งเป้าเป็นเบอร์1 แบรนด์ดิจิตอลของประเทศไทยภายในปี 2563 โดยมี 3 หลักในการทำงาน คือ 1. ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ และวัฒนธรรมการทำงานที่สะท้อนความเป็นองค์กรดิจิตอล 2. ให้บริการดิจิตอล 3.หาพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยปีนี้ใช้งบการตลาด 5,000 ล้านบาท หรือเพิ่มกว่าปีก่อนประมาณ20% ซึ่งมีโอกาสสูงเพราะปัจจุบันการใช้โมบายอินเทอร์เน็ตกลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวัน การใช้บริการข้อมูล(ดาต้า)เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพม์มือถือเพิ่มต่อเนื่อง การใช้ดาต้ามากขึ้นขณะที่ใช้งานโทรด้วยเสียงลดลง ถือเป็นโอกาสที่ดีแทคสามารถใช้เป็นช่องทางการสื่อสารกับผู้บริโภคผ่านพฤติกรรมการเสพคอนเทนต์ออนไลน์
สำหรับกรณีลูกค้าระบบเติมเงิน(พรีเพด)ลดลงในไตรมาส2/2559 ที่มีจำนวนลูกค้าใช้งาน 25 ล้านเลขหมาย หรือลดลง 524,000 เลขหมาย จากไตรมาส 1/2559 และหากนับรวมกับลูกค้าในระบบรายเดือน(โพสต์เพด) พบว่ามีลูกค้าลดลง 715,000 เลขหมาย สาเหตุจากคู่แข่งมีโปรโมชั่นให้ส่วนลดค่าเครื่องและใช้ช่องทางการขายต่างๆ ดังนั้น กลยุทธ์ระยะสั้น ของดีแทค คงต้องเล่นตามเกมคู่แข่งขันในเรื่องแจกเครื่องลูกข่ายเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาด
นายสิทธิโชค กล่าวว่าไตรมาส 2/2559 ดีแทคมีสัดส่วนผู้ใช้บริการด้านเสียงลดลง แต่ผู้ใช้บริการข้อมูลเพิ่มขึ้นเป็น 60% ของฐานลูกค้ารวม จาก 58%ในไตรมาส1/2559 สัดส่วนผู้ใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นเป็น 65% ของฐานลูกค้ารวม ตามกระแสความนิยมใช้เทคโนโลยี 4จีของผู้บริโภคและข้อเสนอแพ็กเกจที่คุ้มค่าของดีแทค ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้บริการ4จี เพิ่มเป็น 3.5 ล้านเลขหมาย จาก 2.9 ล้านเลขหมายในไตรมาสแรก
“ดีแทคตั้งเป้าเพิ่มฐานลูกค้า 4จี ให้ถึง 6 ล้านเลขหมายภายในสิ้นปีนี้ แต่การปรับเป้าการเติบโตของจำนวนลูกค้า 4จี ลดลงจากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 10 ล้านเลขหมาย เนื่องมาจากลูกค้าเปลี่ยนเครื่องช้าลง “นายสิทธิโชค กล่าว
