‘จุรินทร์’ ลุยติดตามงานขาย ‘ข้าว-ยาง’ ทำหนังสือเร่งรัดจีนซื้อ 2 สินค้าเกษตรไทยตาม ‘เอ็มโอยู’

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่รัฐบาลไทย-จีนเคยลงนามข้อตกลงความร่วมมือซื้อขายข้าว 1 ล้านตัน ยางพารา 2 แสนตัน โดยเรื่องข้าวนั้นเป็นข้อตกลงระหว่างกรมการค้าต่างประเทศ กับ COFCO จีน ส่วนเรื่องยางพารานั้นเป็นการยางแห่งประเทศไทย กับ SINOCHEM จีน ไว้ตั้งแต่ 19 ธันวาคม 2557 นั้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดและรายงานทุกระยะ

นางมัลลิกากล่าวว่า โดยภายใต้ข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตรระหว่างไทย-จีนทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายร่วมกันที่จะความร่วมมือด้านการค้าควบคู่ไปกับความร่วมมือด้านรถไฟไทย-จีน ซึ่งปัจจุบันความร่วมมือด้านรถไฟมีความคืบหน้าแต่เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ล่าสุดพบว่าความร่วมมือด้านสินค้าเกษตรยังไม่บรรลุผลตามข้อตกลงนี้เท่าที่ควร ดังนั้นเพื่อให้ข้อตกลงบรรลุเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรมจึงให้กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ทำหนังสือทวงถามความคืบหน้าไปยังหน่วยงาน NDRC ( National Development and Reform Commission of The people’s Republic of China ) หรือคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน เพื่อเร่งรัดทั้ง COFCO และ SINOCHEM ของทางการจีนให้ดำเนินการซื้อข้าวและยางพารากับฝ่ายไทยให้แล้วเสร็จตามกำหนดโดยเร็วต่อไป

อย่างไรก็ตาม รายงานข้อเท็จจริงล่าสุดทราบว่าภายใต้ข้อตกลงนี้นั้น เรื่องข้าวได้ส่งมอบแล้ว 7 แสนตัน คงเหลืออีก 3 แสนตันซึ่งได้ปรับแก้ไขปริมาณการส่งมอบแต่ละงวดจากเดิม 0.8-1 แสนตัน เป็น 0.2-1 แสนตัน ในส่วนการเร่งรัดทางการจีนนั้นทางกรมการค้าต่างประเทศได้ทำหนังสือเร่งรัด COFCO หลายครั้งแล้ว ล่าสุด ทาง COFCO ขอให้ไทยเสนอราคาที่แข่งขันได้จึงจะพิจารณารับซื้อเนื่องจากราคาข้าวไทยสูงกว่าผู้ส่งออกอื่นโดยในขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวฯ

ส่วนเรื่องยางพารา ทางการยางแห่งประเทศไทย (กยท) แจ้งว่าการส่งมอบยาง 11 งวดที่เหลือปริมาณ 1.83 แสนตันนั้น ทางจีนชะลอการซื้อโดยอ้างว่ายังไม่มีความชัดเจนเรื่องโครงการความร่วมมือทางรถไฟฯ แต่ทางนายจุรินทร์ให้ติดตามจนทราบว่าทางรถไฟไทย-จีน รายงานผลการประชุมคณะกรรมการความร่วมมือรถไฟมีความคืบหน้ามากโดยได้ข้อยุติร่วมกันในสัญญาระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและจัดฝึกอบรมบุคลากร วงเงิน 5.06 หมื่นล้านบาท ในเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา คาดว่าจะสามารถลงนามได้ภายในเดือนตุลาคม 2563 โดยจะเชิญนายกรัฐมนตรีเป็นประธานลงนาม ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศไทย เท่ากับว่ากรณีความร่วมมือทางด้านรถไฟมีความคืบหน้าอย่างสำคัญ

Advertisement

“ดังนั้นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จึงสั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ทำหนังสือถึงนายฉี เจ้าฉื่อ ผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน ซึ่งใหญ่กว่าและกำกับ COFCO กับ SINOCHEM อีกชั้นหนึ่งเพื่อเร่งรัดให้ดำเนินการซื้อข้าวและยางพาราจากไทยตามข้อตกลง MOU เพราะปริมาณดังกล่าวนี้จะทำให้ยกระดับราคาผลผลิตช่วยเกษตรกรได้มาก” นางมัลลิกากล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image