“สมคิด”สั่งพลังงานขยับแผนลงทุนเร็วขึ้น ลุ้นพลังงานสร้างไทยอัดเงินเข้าระบบ3ปี 1ล้านลบ.
วันที่ 25 มิ.ย. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาประชุมมอบนโยบาย”พลังงานสร้างไทย” ที่กระทรวงพลังงาน โดยมี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ผู้บริหารและข้าราชการระดับสูงให้การต้อนรับ
นายสมคิด กล่าวว่า ต้องการให้ภาคพลังงานมีส่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยภายหลังเกิดโควิด-19 ซึ่งปัจจุบันแม้สถานการณ์ของไทยจะดีแต่ต่างประเทศยังน่าห่วง ดังนั้นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน จากฐานรากจึงจำเป็น ต้องสนับสนุนกลุ่มแรงงาน 2 ล้านที่ตกงานกลับภูมิลำเนาให้มีงาน มีรายได้ ดังนั้นอยากให้กระทรวงพลังงาน บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เร่งแผนการลงทุนเร็วขึ้น ทั้งของปีนี้ นำแผนอนาคตมาลงทุนเร็วขึ้น และอยากให้ไปหาแนวทางลดราคาพลังงานให้ครอบคลุมทั้งค่าไฟ น้ำมัน ก๊าซหุงต้ม เอ็นจีวี
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า การประชุมดังกล่วเป็นการเตรียมแผนงานด้านพลังงานเพื่อลดค่ครองชีพและสร้างรายได้ให้กับประชาชนหลังสถานการณ์เชื้อโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย โดยมีสาระสำคัญที่จะดำเนินการ 3 ด้านในช่วงปี 2563-2565 คาดว่าวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจตลอด 3 ปีจะอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย 1. ลดรายจ่ายแก่ประชาชนช่วงโควิด-19 รวมกว่า 40,500 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงพลังงานได้ดำเนินการในช่วงสถานการณ์โควิต-19 ที่ผ่านมาและดำเนินการต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี ผ่านมาตรการช่วยเหลือสำคัญ เซนลคำไฟฬครัวเรือนและภาดกิด้วยการบริหารจัดการเพื่อลดตันทคำไฟฟ้าจากการนำเช้าSpot LNG การยกเว้นเก็บอัตราค่ฟฟขั้นต่ำ ถึง กันยายน 2563 การตรึงราคาแก๊สหุงตัมถึง กันยายน 2563 และจะพิจารณายายไปถึงฮันวาคม 2563 การช่วยเหลือส่วนต่งราคาเอ็นจีวี สำหรับรถสาธารณะ โดย ปตท. ช่วยเหลือส่วนต่งราคาจนถึง กรกฎาคม 2563 การจัดโครงการพลังงานร่วมใจสู้ภัยโควิด-19 แจกแอลกอฮอล์โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทั่วประทศกว่า 2ล้านลิตร การลดเงินเก็บเข้ากองทุนน้ำมันลง 50 สต.ต่อลิตร และลดราคาน้ำมั่นหน้าโรงกลั่นลง 50 สต.ต่อลิตร
2. เร่งรัดการลงทุนค้นพลังงาน รวมกว่า 200,00 ล้านบาท ในปี 2563 สร้างการจ้างงานกว่า10,000 คน โดยในปี 2563 จะมีการเปิดสำรวจและผลิตปีโตรเลียมรอบใหม่ เริ่มดำเนินการแอลเอ็นจีเริ่มการลงทุนพัฒนา Gnd Modeiztion และศึกษาความเป็นไปได้ของ Grd Conectvity กับประเทศเพื่อนบ้านการรื้อถอนแท่นปีโตรเลียม และเร่ง LNG receiving Terminal และคาดว่าปี 2564-65 จะเกิดการลงทุนอีกประมาณ 8 แสนล้านบาท
3.กระตุ้นเศรษฐกิจ ฟื้นฟูหลังโควิด-19 รวมกว่า 30,000 ล้านบาท สร้างรายได้ให้ชุมชน เกิดการจ้างงานคว่ำ 800 คน ซึ่งต่อจากนี้ กฟผ. จะกระตุ้นให้เกิดการคผนตลาดนัดออนไลน์ชุมชโรงไฟฟ้าและท่องเที่ยวเชื่อนทั่ไทย และ ปตท. จะจัด Lving Community Market place และเที่ยวทั่วทิศกระตุ้นเศรษฐกิจกับ Blue card พร้อมทั้ง กระตุ้นศรษฐกิฐานาคผ่นกองทุนพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน มีแผ่นที่จะขยายสายส่งไฟ้าเพื่อผันแม่น้ำยวมสู่องเก็บน้ำภูมิพลเพืชลประทาน และยังช่วยลต่ปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นได้ด้วยรวมไปถึงการพิจารณาหาแนวทางการนำไฟฟ้ส่วนเกินมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ
“ส่วนโรงไฟฟ้าชุมชนจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน เกิดการลงทุนและสร้างรายได้กว่ 2000 ล้านบาทเกิดการจ้างงานกว่ 10,00 คน เมื่อครบเป้าหมาย 70 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ การใช้ระบบ Blockchain เข้ามาช่วยในการซื้อขายปล์มภาคพลังงานทั้ระบบ จะเกิดการหมุนเวียนรายได้กว่า 14,00 ล้านบาท และการลงทุนเพื่อช่วยประกอบการ Start up โตย ปตท. สนับสนุนทุนไปแล้วกว่ 17ราย และ กฟผ. จะมี InnovationHolding Company เข้ามาช่วยสนับสนุนการพัฒนาไฟฟ้าในยุค Dsruptive technology นอกจากนี้ ยังมีแนวทางที่จะบูรณาการทำงานกับหน่วยงานอื่น เพื่อผลักดันการพัฒนา E-Transportation ให้ครบวงจร ซึ่งกระทรวงพลังงานและหน่วยงานในสังกัดทุกหน่วยจะเร่งเดินหนตามแผนงานดังกล่วเพื่อให้ประชาชนมีรายได้
และขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยให้เดินหน้าอย่างเข้มแข็งต่อไป” นายสนธิรัตน์กล่าว
