‘สนธิรัตน์’ถกคปพ.ตั้งทีมแก้ปมโซลาร์ปชช.แป๊ก ‘รสนา’ชี้ระบบหักลบหน่วยอัตโมมัติจูงใจ

“สนธิรัตน์”ถกคปพ.ตั้งคณะทำงานร่วมเดินหน้ารื้อเกณฑ์โซลาร์ภาคประชาชนขับเคลื่อนใน 60 วัน ตั้งเป้า 50 เมกะวัตต์ หลังโครงการเปิดมาแล้วแต่มีผู้เสนอขายไฟ 1.8 เมกะวัตต์ พร้อมลุ้นพีดีพี 2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 เข้าครม. 30 มิ.ย.เดินหน้าโรงไฟฟ้าชุมชน “รสนา”ชี้ระบบหักลบกลบหน่วยอัตโมมัติจากไฟฟ้าที่ผลิตได้เหมาะสมแต่ติดปัญหาต้องจ่ายแวต

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมการบริหารจัดการโครงการโซลาร์ภาคประชาชนรูปแบบใหม่ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและภาคประชาชน ว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปเตรียมตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อให้โครงการโซลาร์ภาคประชาชน ที่กระทรวงพลังงานส่งเสริมให้ประชาชนติดตั้งอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ประเภทบ้านที่อยู่อาศัย(โซลาร์รูฟท็อป)ขับเคลื่อนได้ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ(พีดีพี2018 )ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ที่กำหนดให้เกิดขึ้นปีละ 50 เมกะวัตต์ 5 ปี(ปี2563-67 )โดยกำหนดขับเคลื่อนทันทีใน 60 วัน

“คณะทำงานน่าจะตั้งได้ในเร็วๆนี้โดยจะมีนายสมบูรณ์ หน่อแก้ว รองปลัดกระทรวงพลังานเป็นประธาน ดึงทุกส่วนเข้ามาร่วมขับเคลื่อน ยอมรับว่าโซลาร์ภาคประชาชนช่วงที่ผ่านมาคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)เปิดส่งเสริมให้ติดตั้งและไฟส่วนเกินเหลือขายอัตรา 1.68 บาทต่อหน่วยเป็นเวลา 10 ปี แต่มีผู้ยื่นข้อเสนอขายไฟเพียง 1.8 เมกะวัตต์ ดังนั้นต้องมาดูว่าอะไรเป็นอุปสรรคให้โครงการนี้ไม่เกิด ต้องร่วมกันแก้ไขให้เป็นไปตามแผน”นายสนธิรัตน์กล่าว

สำหรับรูปแบบที่จะปรับปรุงจะเอื้อให้ประชาชนเข้าถึงการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปมากขึ้น อาจกำหนดพื้นที่ส่งเสริมเพราะต้องคำนึงถึงระบบสายส่ง โดยพีดีพี 2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 คาดว่าจะเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 30 มิถุนายนนี้

ด้านน.ส.รสนา โตสิตระกูล แกนนำเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย(คปพ.) กล่าวว่า จากการหารือได้สรุปแนวทางหนึ่งที่สำคัญคือการนำระบบซื้อขายไฟฟ้าแบบ Net Metering ที่เป็นระบบหักลบกลบหน่วยอัตโมมัติจากไฟฟ้าที่ผลิตจากโซลาร์ฯที่ใช้เองบนหลังคากับไฟฟ้าที่ใช้จากการไฟฟ้าและผู้ใช้ไฟจะจ่ายค่าไฟตามหน่วยที่หักลบแล้วจะทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่า ซึ่งปัจจุบันดำเนินการไม่ได้ เนื่องจากติดปัญหากับกรมสรรพากรว่าด้วยเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนั้นต้องมาดูแนวทางที่แก้ไข รวมไปถึงอัตราการรับซื้อ 1.68 บาทต่อหน่วยระยะ 10 ปีที่ประชาชนเห็นว่ายังไม่เอื้อนัก ราคานี้ต้องมาหารือกันว่าที่เหมาะสมควรจะเป็นเท่าใด อาจเท่าหรือต่ำกว่าราคาขายส่งที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.)ขายให้ฝ่ายจำหน่ายก็ได้ ทั้งหมดนี้คือจะต้องมาพิจารณาถึงอุปสรรคมีอะไรบ้าง โดยครั้งนี้เริ่มเห็นหลายๆเรื่องที่เป็นอุปสรรค

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image