นายสันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวในระหว่างแถลงผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของ ตลท.ว่า ยอมรับว่าในปีนี้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่จะทำได้เพียง 1.9 แสนล้านบาท ถือว่าน้อยกว่าเป้าหมายที่เดิมคาดว่าจะทำได้ 2.7 แสนล้านบาท โดยครึ่งแรกทำได้แล้ว 1.75 หมื่นล้านบาท สาเหตุเพราะนอกจากภาวะตลาดแล้วบริษัทเข้าใหม่ยังเกิดปัญหาในการตรวจสอบบัญชีย้อนหลัง เพราะมีการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานทางบัญชี อีกทั้งบริษัทตรวจสอบบัญชีขนาดเล็กมักไม่รับงานตรวจบัญชีบริษัทเข้าใหม่เพราะมีค่าใช้จ่ายมาก ทำให้ผู้สอบบัญชีมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่ง ตลท.ได้ส่งเสริมให้บริษัทที่มีศักยภาพเพียงพอต่อการเข้าตลาดหลักทรัพย์ทำบัญชีให้ถูกต้อง เพื่อลดความยุ่งยากของผู้สอบบัญชี ส่วนเป้าหมายการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนทั้งปีคาดว่าจะทำได้ 525,000 ล้านบาทตามเดิมแม้มูลค่าระดมทุนของหุ้นเข้าใหม่จะลดลง เพราะบริษัทที่จดทะเบียนอยู่เดิมเพิ่มการระดมทุนในตลาดรองมากขึ้น
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2559 ว่า ตลท.มีความโดดเด่นที่สุดในภูมิภาคอาเซียน 3 ด้านคือ ดัชนีหุ้นไทยปรับเพิ่มสูงสุดในภูมิภาค หรือปรับเพิ่มขึ้น 12.2% 2.นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทยรวม 35,978 ล้านบาท มากที่สุดในอาเซียนและนักลงทุนต่างประเทศยังมีแนวโน้มเข้าซื้อต่อเนื่อง 3.มีสภาพคล่องมากที่สุดในอาเซียน มีมูลค่าซื้อขายต่อหุ้นเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 46,669 ล้านบาท สูงที่สุดตั้งแต่ปี 2555 เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนไทยมีผลการดำเนินงานที่ดีเมื่อเทียบกับภูมิภาค อีกทั้งการเติบโตของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้นเห็นได้จากจีดีพีไทยในไตรมาสที่ 1/2558 เพิ่มขึ้น 3.2% เทียบกับปี 2558 ที่เติบโต 2.8%
นายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานกำกับตลาดและ หัวหน้าสายงานกฎหมาย ตลท. กล่าวว่า มาตรการกำกับการซื้อขายของตลท.ที่แบ่งระดับการควบคุมออกเป็น 3 ระดับ ช่วยให้หุ้นที่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติลดลง จากปีที่แล้วมีหุ้นที่อยู่ในเกณฑ์ชี้แจงข่าวหรือข้อมูล (เทรดดิ้งอะเลิร์ท) 73 บริษัท ในปีนี้ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันมีบริษัทเข้าข่ายเพียง 19 บริษัทเท่านั้น แม้ปีนี้จะมีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ในระดับสูง แต่ถือเป็นการซื้อขายที่มีคุณภาพมากกว่าปี 2558 ส่วนหุ้นที่มีการซื้อขายผิดปกติจน ตลท.ต้องส่งข้อมูลให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันถือว่าลดลงจากปีก่อนหน้า