หน่วยงานรัฐประสานพลังร่วมสอบ ‘ไอโชว์’ ชี้อาจมีความผิดฐานไม่มีไลเซนส์เพย์เมนต์เกตเวย์-ลามกอนาจาร

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 26 กรกฎาคม สำนักงาน กสทช. ได้เชิญผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต(ไอเอสพี), กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.), ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.), กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) และ กระทรวงวัฒนธรรม มาร่วมหารือเรื่องมาตรการป้องกันปัญหาการซื้อไอเทมในแอพพลิเคชั่นที่ให้ความบันเทิงบนโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งได้หาเรื่องกรณีความผิดของแอพพลิเคชั่น “iShow(ไอโชว์)” ด้วย โดยได้ข้อสรุปว่า จะตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่าง กสทช., ธปท., ไอเอสพี, ไอซีที, ปอท., กรมสรรพากร และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) เพื่อตรวจสอบว่าการให้บริการแอพพลิเคชั่นไอโชว์ ขัดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 หรือไม่ โดยเฉพาะในการให้บริการระบบการชำระเงิน ของผู้ให้บริการได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้บริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์(เพย์เมนต์เกตเวย์) หรือไม่ เพราะหากไม่มีใบอนุญาตจะต้องโดนค่าปรับ รวมทั้งจะถูกกรมสรรพากรตรวจสอบเรื่องการนำเงินออกจากระบบด้วย

นายฐากร กล่าวว่า ในส่วนของเนื้อหาของไอโชว์ที่อาจเข้าข่ายลามกอนาจาร ทาง กสทช. จะพิจารณาร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม ว่าเข้าข่ายขัดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ในเรื่องลามกอนาจารจริงหรือไม่ หากพบว่าผิดจริง ทาง กสทช. จะแจ้งไปยังกระทรวงไอซีที เพื่อปิดกั้นแอพพลิเคชั่นดังกล่าว

บรรยากาศหารือไอโชว์

“ทั้งเรื่องใบอนุญาตเพย์เมนต์เกตเวย์ และเนื้อหาในแอพพลิเคชั่น จะเร่งพิจารณาโดยเร็วเพื่อสรุปผลและเสนอต่อ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที ได้อย่างเร็วสุดในช่วงปลายสัปดาห์นี้” นายฐากรกล่าว

Advertisement

นายฐากร กล่าวว่า ในส่วนมาตรการการป้องกันปัญหาในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นมาเช่นเดียวกับแอพพลิเคชั่นไอโชว์นั้นทางกสทช.ได้ขอให้ไอเอสพี แก้ไขปัญหาในเบื้องต้นด้วยการเพิ่มข้อกำหนดในการทำสัญญากับทางผู้ให้บริการคอนเทนต์ ว่าหากเกิดปัญหาเช่นเดียวกับไอโชว์ หรือมีความผิดในด้านอื่นๆ สามารถระงับการให้บริการได้เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำสั่งศาลออกมา เพื่อให้กระบวนการทำงานของทางหน่วยงานตรวจสอบสามารถทำได้เร็วขึ้น

นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า การกำกับดูแลคอนเทนต์ถ่ายทอดสดต่างๆ นั้นยอมรับว่าคอนเทนต์ที่กำกับดูแลได้ยากที่สุดคือ เฟซบุ๊ก เนื่องจาก เฟซบุ๊ก มีนโยบายในการดูแลบุคคลและเว็บเพจต่างๆ ของตนเอง ทำให้ภาครัฐไทยทำได้แค่เพียงการรายงานปัญหาที่เกิดขึ้นไปให้เฟซบุ๊กพิจารณาเท่านั้น ซึ่งบางเรื่องเฟซบุ๊กก็เห็นต่างจากที่ทางหน่วยงานรัฐของไทยรายงานปัญหา เช่น การถ่ายทอดสดการยิงกันบนเฟซบุ๊ก ที่ไทยมองว่าเป็นเรื่องที่ต้องเซ็นเซอร์ แต่เฟซบุ๊กมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่เป็นเรื่องที่มีการสื่อสารออกมาเท่านั้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image