สภาพัฒน์ชงครม.วันนี้เคาะล็อตแรก 212 โครงการ 8 หมื่นล้านฟื้นศก.-คลังเล็งจัดโปรเที่ยววันธรรมดา

สภาพัฒน์ชงครม.วันนี้เคาะล็อตแรก 212 โครงการ 8 หมื่นล้านฟื้นศก.-คลังเล็งจัดโปรเที่ยววันธรรมดา

วันที่ 8 กรกฎาคม สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาโครงการใช้เงินกู้ล็อตแรกตามพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโควิด-19 วงเงิน 4 แสนล้านบาท จำนวน 212 โครงการ วงเงิน 8 หมื่นล้านบาท เป็นโครงการสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน กระตุ้นการบริโภค การท่องเที่ยว เช่น โครงการการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” วงเงิน 4,953 ล้านบาท โครงการพัฒนาตำบลแบบบูรณาการซึ่งเป็นการใช้บิ๊กดาต้า เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำและความยากจน 2,701 ล้านบาท

โครงการอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่นเพื่อดูแลผู้สูงอายุ 1,080 ล้านบาท ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงจำนวน 710,518 คน โครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด วงเงิน 13,904 ล้านบาท จะสร้างรายได้ให้เกษตรกร 8,293 ล้านบาท โครงการสร้างความเข้มแข็งศูนย์ข้าวชุมชน วงเงิน 900 ล้านบาท เป็นต้น

ขณะที่ นายลวรณ แสนสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมว่า ตามที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯสั่งการให้สศค. และกรมสรรพากร หามาตรการเสริมแพคเกจ”เราเที่ยวด้วยกัน” ที่เปิดให้เฉพาะผู้ประกอบการโรงแรม ที่พักที่จดทะเบียนก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 เข้ามาร่วมโครงการได้นั้น ก็จะผ่อนผันให้กับผู้ประกอบการเข้าร่วมได้มากขึ้น อาทิ กลุ่มที่อยู่ระหว่างการยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม, กลุ่มที่ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมเพิ่งหมดอายุไม่เกิน 1 ปี จะมีการผ่อนผันให้ เนื่องจากในช่วงโควิด-19 อาจไม่สะดวกในการไปต่อใบอนุญาต

นายลวรณกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ จะเข้าไปช่วยกลุ่มโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาต เป็นโรงแรมขนาดเล็ก หรือบูติคโฮเต็ล ซึ่งยังไม่ผ่านคุณสมบัติการจดทะเบียนขึ้นเป็นโรงแรม แต่ได้มาตรฐานการเป็นบูติคโฮเต็ลแล้ว โดยจะเข้าไปดูรายละเอียดว่าจะให้กลุ่มดังกล่าวเข้าร่วมโครงการอย่างไร เนื่องจากรัฐบาลต้องการเปิดกว้างให้ผู้ประกอบการเข้าถึงได้มากที่สุด เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงที่ยากลำบาก และถือเป็นทางเลือกให้ประชาชนที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างหลากหลายมากขึ้น

Advertisement

“สำหรับแพคเกจเราเที่ยวด้วยกัน ที่จะใช้วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาทเรื่องที่พัก 5 ล้านห้อง คิดจากการชดเชย 3,000 บาททุกห้อง แต่ความเป็นจริงน่าจะไม่ถึง เพราะประชาชนไม่น่าจะเข้าพักโรงแรมห้องละ 7,500 บาท เพื่อมารับเงินชดเชย 3,000 บาท ที่รัฐสนับสนุน ฉะนั้น จะมีเงินเหลืออยู่บางส่วนก็อาจจะนำไปต่อยอดสร้างแรงจูงใจในการเที่ยววันธรรมดา ในวันจันทร์-พฤหัสบดี เพื่อสร้างกระแสรายรับให้กับธุรกิจในพื้นที่ ขณะนี้สศค. อยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าจะออกมาให้เร็วที่สุด”นายลวรณกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image