เงินบาทกลับมาอ่อนค่า บนความกังวลอนาคต ‘การเมือง-เศรษฐกิจ’
โดยในช่วงคืนที่ผ่านมา หุ้นทั่วโลกถูกขายทำกำไรด้วยความกังวลว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า เห็นได้จากดัชนี S&P500 ที่ย่อตัวลง 0.6% พร้อมกับ Euro Stoxx 600 ที่ปิดลบ 0.8% โดยนักลงทุนเข้าพักเงินที่พันธบัตรรัฐบาล กดให้บอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลง 5bps มาที่ระดับ 0.62% พร้อมกับราคาทองคำที่ย่อตัวลง 0.3% กลับมาที่ระดับ 1802 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ความกังวลดังกล่าว เกิดจากภาพการระบาดของโคโรนาไวรัสในสหรัฐที่ยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่กิจกรรมการใช้ชีวิตนอกบ้านของชาวสหรัฐก็คาดว่าจะเปลี่ยนไป เช่นในนิวยอร์กที่มีการรายงานว่าการรับประทานอาหารนอกบ้านในช่วงค่ำลดลงถึงกว่า 95% แม้จะกลับมาเปิดทำการตามปรกติแล้ว
พร้อมกันนี้ ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานใหม่ในสหรัฐ (Initial Jobless Claims) ก็ปรับตัวลงเพียงเล็กน้อยมาที่ระดับ 1.31 ล้านตำแหน่งในสัปดาห์ก่อน และยังมีผู้ขอรับสวัสดิการต่อเนื่องกว่า 18.1 ล้านคน ถือว่าเป็นการฟื้นตัวของตลาดแรงงานที่ช้ากว่าช่วงสามเดือนก่อนหน้าอย่างมาก
ในฝั่งของตลาดเงิน ดอลลาร์แข็งค่า 0.2% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่จากภาพตลาดทุนที่ปิดรับความเสี่ยง (Risk off) เชื่อว่าประเด็นทั้งหมด จะเข้ามากดดันอารมณ์ของตลาดเงินเอเชียวันนี้ด้วย
“ส่วนเงินบาท ก็พลิกกลับไปอ่อนค่าบนสภาพคล่องที่อยู่ในระดับต่ำผสมกับความกังวลเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจในอนาคต “
แม้จะไม่มีแรงซื้อดอลลาร์จากบริษัทใหญ่แล้ว แต่กลุ่มผู้ส่งออกก็หายไปจากตลาดเช่นกัน ในช่วงนี้จึงจะเห็นเงินบาทแกว่งตัวตามทิศทางของสกุลเงินเอเชียและดอลลาร์ไปก่อน แต่ถ้าตลาดการเงินย่อตัวลงปิดรับความเสี่ยงนานขึ้น ก็อาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าต่อได้ในระยะสั้น
