นายสัตวแพทย์อยุทธ์ หรินทรานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ชี้แจงถึงกรณีมีกระแสข่าวสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จะเข้ามาตรวจสอบการดำเนินการจัดซื้อไมโครชิป ของกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ใช้งบประมาณเกือบ 100 ล้านบาท ซึ่งรวมงบซื้อไมโครชิป เครื่องอ่าน และระบบซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลเชื่อมไมโครชิป ในโครงการอนุรักษ์พันธุ์และพัฒนาพันธุ์กระบือไม่ให้สูญหาย ด้วยการฝังไมโครชิปบริเวณโคนหางกระบือ จำนวน 500,000 ตัว จากกระบือที่มีอยู่ทั่วประเทศประมาณ 800,000 ตัว ค่าไมโครชิปอันละ 100 บาท ซึ่งมีเอกชนเพียงรายเดียวเป็นคู่สัญญาจัดซื้อดังกล่าว ให้กับสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งก่อให้เกิดข้อสงสัยในความโปร่งใส ว่า พร้อมให้ สตง. เข้ามาตรวจสอบ เนื่องจากการจัดซื้อไมโครชิปเป็นอำนาจของสำนักงานปศุสัตว์แต่ละพื้นที่ เชื่อว่ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้างปฏิบัติตามขั้นตอนของทางราชการทุกประการ และเมื่อมีการกำหนดมาตรฐานของไมโครชิปที่ต้องใช้แล้วตามเงื่อนไขการจัดซื้อจัดจ้าง ก็เป็นอำนาจหน้าที่ของปศุสัตว์แต่ละจังหวัดดำเนินการซื้อกับบริษัทเอกชนไหนก็ได้ โดยขณะนี้กรมฯได้ดำเนินการติดเฉพาะไมโครชิปในกระบือไปแล้วประมาณ 36% ของจำนวนเป้าหมายกระบือเพศเมีย 500,000 ตัว คาดว่าภายในสิ้นปี 2559 จะสามารถติดไมโครชิปให้ครบถ้วนได้
“งบประมาณที่ใช้ในโครงการนี้เฉพาะติดไมโครชิปรวมประมาณ 50 ล้านบาท มาจากงบประจำปีงบประมาณของกรมฯ 10 ล้านบาท และงบประมาณของโครงการดังกล่าว 40 ล้านบาท” นายสัตวแพทย์อยุทธ์ กล่าวและว่า โครงการดังกล่าวเพื่อเร่งแก้ปัญหากระบือไทยที่มีปริมาณลดลงอย่างต่อเนื่อง จากการใช้รถไถแทนกระบือไถนา และคนให้ความสำคัญกับกระบือลดลง อาจส่งผลให้เกิดการสูญพันธุ์ของกระบือในประเทศไทยได้ โดยกระบือไทยลดลงในอัตราประมาณ 20% ต่อปี
