ธุรกิจนวดเผชิญภาวะหนี้ ทรุดหนักปิดกิจการกว่า 60%

ธุรกิจนวดเผชิญภาวะหนี้ ทรุดหนักปิดกิจการกว่า 60%

นางอักษิกา จันทรวินิจ ตัวแทนผู้ประกอบการธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพและสปาขนาดกลางและขนาดเล็ก เปิดเผยว่า สถานการณ์ธุรกิจการนวดเพื่อสุขภาพ ขณะนี้ความต้องการใช้บริการยังมีอยู่ แต่ไม่ได้มากเท่าเดิม เนื่องจากการนวดจะเกิดขึ้นเมื่อประชาชนมีเงินและมีเวลา ซึ่งการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบให้รายได้ของประชาชนลดลง คนมีเงินน้อยลง ทำให้หากคนไม่มีเงินเหลือ หรือไม่มีเวลาพัก การมาใช้บริการนวดเพื่อสุขภาพ หรือนวดผ่อนคลาย ก็จะต้องถูกตัดออกไป ทำให้คาดหวังว่าในภาวะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่กลับเข้ามา

ความต้องการใช้บริการในประเทศน่าจะยังพอมีอยู่ แม้จะไม่มากเท่าที่ควร และการใช้จ่ายอยู่ในระดับที่ต่ำมาก อาทิ จากเดิมที่ค่าใช้จ่ายในการนวดต่อครั้งของต่างชาติจะอยู่ที่ 1,500-2,000 บาท แต่การให้บริการคนไทยเริ่มต้นเพียง 200 บาทเท่านั้น ซึ่งรายได้ที่ลดลงของการให้บริการลูกค้า ส่งผลกระทบต่อแรงงานที่เป็นพนักงานนวด เพราะความจริงแล้วพนักงานจะได้ค่าตอบแทนทั้งในส่วนของเงินพิเศษที่ลูกค้าให้เพิ่มเติม และค่าธรรมเนียม บวกกับค่าจ้างรายวันหรือรายเดือน ซึ่งหากรายได้ในส่วนนี้หายไป รายได้ของแรงงานก็หายไปตาม รวมถึงรายได้ของผู้ประกอบการเองก็หายไปด้วย ซึ่งในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา ก็มีผู้ประกอบร้านนวดเพื่อสุขภาพปิดตัวลงกว่า 60% เนื่องจากเจอภาวะหนี้สินที่เกิดจากการปิดชั่วคราว จากเดิมที่มีร้านนวดเพื่อสุขภาพจำนวน 15,000 ร้านทั่วประเทศ รวมทั้งจดทะเบียนและไม่จดทะเบียน “ธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก ไม่นับรวมสปาในโรงแรมหรือสปาขนาดใหญ่ ซึ่งมีทั้งร้านนวดตามแหล่งท่องเที่ยว ตามชุมชน และร้านนวดที่เปิดขึ้นมาเพื่อให้บริการเฉพาะกรุ๊ปทัวร์นักท่องเที่ยวต่างชาติ

โดยธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพได้รับผลกระทบตั้งแต่ช่วงเกิดโควิด-19 ระบาดใหม่ๆ ในเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ก่อนที่รัฐบาลจะประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินด้วยซ้ำ เนื่องจากธุรกิจนวดไม่สามารถแก้โจทย์ในเรื่องการปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมได้ เพราะการให้บริการนวดเพื่อสุขภาพ ผู้ให้บริการและผู้รับบริการจะต้องอยู่ใกล้ชิดกัน และมีการสัมผัสร่างกายกัน การเว้นระยะห่างระหว่างกันจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก และการใช้อุปกรณ์ร่วมกัน อาทิ เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว ซึ่งผู้ประกอบการก็พยายามแก้ปัญหาเบื้องต้น อาทิ เพิ่มนะบบซักแห้งเข้ามา แต่เมื่อโจทย์ใหญ่ยังแก้ไม่ได้ ภาครัฐจึงแก้ปัญหาด้วยการสั่งปิดกิจการชั่วคราว ผลกระทบต่อผู้ประกอบการธุรกิจจึงได้รับผลกระทบโดยตรงชัดเจนสุด” นางอักษิกากล่าว

นางอักษิกา จันทรวินิจ

นางอักษิกากล่าวว่า ผู้ประกอบการธุรกิจนวดเพื่อสุขภาพ ไม่ได้มีสินค้าจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้เหมือนธุรกิจอื่นๆ อาจมีเพียงน้ำมันนวดที่ใช้ในการนวดเล็กน้อย ทำให้รายได้มาจากทางเดียวคือ การให้บริการนวดเท่านั้น ต้นทุนหลักๆ จึงเป็นค่าแรงของพนักงาน ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่ไม่ได้มีความรู้ในเชิงวิชาการมากนัก แต่จะมีทักษะในเรื่องวิชาชีพมากกว่า ทำให้การปรับตัวเป็นไปลำบากมาก แม้จะพยายามทำอยู่ตลอดก็ตาม อาทิ การนวดแบบเดลิเวอรี่ แต่มีปัญหาในเรื่องต้นทุนที่แพงกว่าปกติ และความต้องการไม่ได้มีชัดเจนมากเท่าที่ควร รวมถึงค่าเช่าพื้นที่ที่มีราคาไม่เท่ากัน โดยหากเช่าอาคารพาณิชย์ขนาดเท่ากันในกรุงเทพ มีค่าเช่าที่ 30,000-4,000 บาท แต่หากเป็นการเช่าในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวจะมีราคาแพงกว่าเฉลี่ย 30% อาทิ หากเช่าที่พัทยา ค่าเช่าจะอยู่ที่ 80,000-100,000 บาท ทำให้ผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจในแหล่งท่องเที่ยวได้รับผลกระทบสูงมาก

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image