‘ทีเอชเอ’ มองเราเที่ยวด้วยกัน กระแสดีเกินคาด เชื่อกรณีระยองไม่กระทบภาพรวมเที่ยวในประเทศ
นางศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า กระแสตอบรับเข้าร่วมโครงการเที่ยวปันสุข ในส่วนของแพคเกจเราเที่ยวด้วยกัน ที่เปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 15 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ถือว่าดีมากจนเหนือความคาดหมาย เนื่องจากเปิดให้ลงทะเบียนได้เพียง 3 วัน แต่มีประชาชนให้ความสนใจลงทะเบียนเพื่อจองสิทธิ์รับการสนับสนุนเดินทางท่องเที่ยวจากรัฐบาลแล้วกว่า 3.5 ล้านราย ซึ่งประเมินว่าหลังจากเปิดให้จองโรงแรมที่พัก เพื่อเดินทางแล้ว สิทธิ์ในการเดินทางน่าจะเต็มอย่างรวดเร็ว เพราะเชื่อว่าจากการล็อกดาวน์เมืองหลายเดือนที่ผ่านมา คนในประเทศ โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางน่าจะอัดอั้นมากพอสมควร รวมถึงการท่องเที่ยวใน 4 เดือน (กรกฎาคม-ตุลาคม) ส่วนใหญ่แล้วผู้ประกอบการโรงแรม หรือที่พักต่างๆ ได้ลดราคาห้องพักลงกว่า 50% ซึ่งพอมีการสนับสนุนของรัฐช่วยอีก 40% เท่ากับผู้ลงทะเบียนจะเที่ยวได้ในราคาห้องพักที่ถูกกว่า 90% หรือจ่ายเองเพียง 10%
“ห้องพักตอนนี้ผู้ประกอบการต่างลดแลกแจกแถมจนเกือบหั่นเนื้อตัวเองทิ้งแล้ว เพื่อให้มีรายได้เขอามาบ้าง หลังจากรายได้หายไปหมดในช่วงล็อกดาวน์ ซึ่งจากการเข้าไปดูโรมแรงที่พัก ที่เข้าร่วมแพคเกจเราเที่ยวด้วยกันพบว่า มีโรงแรมเข้าร่วมจำนวนมาก และก็มีจำนวนไม่น้อยที่ราคาอยู่ในระดับสูง ซึ่งตอนนี้ก็ลดราคาลงมามากแล้ว และยิ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอีก ยิ่งทำให้สามารถเที่ยวได้ในราคาที่ถูกมากขึ้น โดยขณะนี้เราสามารถเอาตัวไปอยู่ในที่พักที่มีราคาแพงในช่วงก่อนหน้านี้ได้ในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม แต่ได้รับการบริการหรือมาตรฐานของห้องพักดีเท่าเดิม” นางศุภวรรณกล่าว
นางศุภวรรณกล่าวว่า สำหรับกรณีการพบทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 ที่จังหวัดระยอง มองว่ากรณีดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบด้านการท่องเที่ยวในประเทศมากนัก เพราะยังมีอีกหลายจังหวัดที่ยังสามารถเที่ยวได้ แม้กระทั่งในระยองเอง ก็ยังเที่ยวได้ แต่ต้องเลี่ยงไปเที่ยวในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด หรือมีความปลอดภัยมากที่สุด รวมถึงการตรวจหาเชื้อของบุคคลที่มีความเสี่ยง ก็ไม่ได้มีผลว่าพบเชื้อไวรัสในบุคคลเสี่ยงรายใหม่ จึงมองว่าไม่ได้น่ากังวลมากนัก โดยอยากให้รีบจัดการให้สถานการณ์ในระยองเป็นปกติมากที่สุด เพราะเห็นว่าผู้ประกอบการโรงแรมถูกยกเลิกจองห้องพักกันจำนวนมาก จึงอยากให้เร่งดำเนินการให้ความเชื่อมั่นกลับมาอีกครั้ง เพราะคนที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุดคือผู้ประกอบการ
นางศุภวรรณกล่าวว่า ในส่วนของกำลังซื้อในประเทศที่ยังไม่กลับมาเป็นปกตินั้น มองว่าไม่ได้น่ากังวลเท่าสถานการณ์โควิด-19 ที่มีความไม่แน่นอนสูง เพราะในส่วนของผู้ที่มีความพร้อมในการเดินทาง และมีกำลังใช้จ่ายสูงยังมีอยู่ เชื่อว่าเมื่อมีแรงกระตุ้นให้อยากเที่ยว ถึงเวลาก็จะออกเดินทางเอง ส่วนกลุ่มคนระดับกลางขึ้นไป ยังมีศักยภาพในการใช้จ่ายสูงมาก ซึ่งหากมีสิ่งดึงดูดใจ ก็เชื่อว่าคงจะเริ่มออกเดินทางก้นได้ไม่ยากนัก เนื่องจากปีนี้เป็นปีที่ไม่สามารถออกไปใช้เงินนอกประเทศได้ จึงต้องหันมาใช้เงินในประเทศแทน
