สอท.เร่ง บิ๊กตู่ปรับครม.ลุยงาน ห่วง “เอสเอ็มอี” เริ่มอาการหนัก

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลัง ว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 (กรกฎาคม-กันยายน 2563) และไตรมาส 4 (ตุลาคม-ธันวาคม 2563) แม้ว่าจะดีขึ้นจากการคลายล็อกดาวน์และไทยควบคุมโควิด-19 ในประเทศเป็นไปด้วยดี แต่ต้องระวังไม่ให้ระบาดรอบ 2 ทีมเศรษฐกิจใหม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยู่ระหว่างแต่งตั้งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะต้องเข้ามาเร่งแก้ไขปัญหาของภาคธุรกิจที่ยังได้รับผลกระทบจากแรงซื้อในประเทศอ่อนแอ และการส่งออกชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจโลก กลุ่มน่าห่วงที่สุด คือธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) เริ่มประสบปัญหาสภาพคล่องมากขึ้นแล้ว

นายเกรียงไกร กล่าวว่า กรอบเวลาการแต่งตั้งทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่าจะดำเนินการให้เสร็จภายในเดือนสิงหาคมนั้น มองว่าหากเป็นไปได้ต้องการเห็นความชัดเจนโดยเร็ว เพราะช่วง 1 เดือนที่รอปรับ ครม. หลายตำแหน่งเว้นว่างอาจกระทบต่อการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ไม่ต่อเนื่องและล่าช้าออกไปได้ ไม่เป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจไทยที่ขณะนี้ยังคงอ่อนแอจากผลกระทบโควิด-19

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การปรับ ครม.กำลังจะเกิดขึ้นนี้ ส่วนตัวมีความเชื่อมั่นในตัว พล.อ.ประยุทธ์ว่าจะดำเนินการได้เรียบร้อย และสร้างความเชื่อมั่นเพื่อให้การทำงานเดินหน้าต่อได้ และไม่กังวลว่าช่วงเวลาที่รอการปรับ ครม.จะเป็นช่วงสุญญากาศหรือเกียร์ว่าง เพราะมั่นใจว่ารัฐมนตรีที่เหลืออยู่ รวมทั้งข้าราชการประจำโดยเฉพาะปลัดกระทรวง จะสามารถเดินหน้างานต่อไปได้

นายนที สิทธิประศาสน์ รองประธานด้านพลังงานชีวมวล กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน ส.อ.ท. กล่าวว่า อยากให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่สานต่อนโยบายโรงไฟฟ้าชุมชน เป็นโครงการสนับสนุนให้เอกชนร่วมมือกับชุมชนผลิตไฟฟ้าจากวัตถุดิบเกษตรในพื้นที่ เป็นการสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ส่วนตัวเชื่อว่าโครงการนี้จะเดินหน้าต่อไปได้ เพราะที่ผ่านมาครม.ได้เห็นชอบหลักการแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและโรงไฟฟ้าชุมชนอยู่ในนั้นด้วย ขณะเดียวกันโครงการนี้ผูกติดในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (พีดีพี-2018) ฉบับปรับปรุงใหม่ต้องผ่านครม.หลังจากนี้ จึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา แม้บางฝ่ายมองว่าจะทำให้สำรองไฟฟ้าสูงขึ้น แต่โรงไฟฟ้าต้องมองในมิติการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ดังนั้น ควรมองมุมกลับคือการกู้เศรษฐกิจ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image