‘ททท.’ เตรียมหารือเอกชนลงดาบหากพบโรงแรมโก่งราคา ในโครงการ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’

{"source_sid":"7CD8856F-73F4-4C98-B2EE-FAFDE0FD26FB_1594915227928","subsource":"done_button","uid":"7CD8856F-73F4-4C98-B2EE-FAFDE0FD26FB_1594915227919","source":"other","origin":"gallery"}

‘ททท.’ เตรียมหารือเอกชนลงดาบหากพบโรงแรมโก่งราคา ในโครงการ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ถึงความคืบหน้าการลงทะเบียนท่องเที่ยวในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ว่า ล่าสุดมีผู้ลงทะเบียนรับสิทธิ์จองโรงแรมที่พักแล้วกว่า 4.1 ล้านคน และได้รับการอนุมัติแล้ว 3.9 ล้านคน ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล โดยหลังจากเปิดให้จองห้องพักในวันที่ 18 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ล่าสุดมีผู้ใช้สิทธิ์จองห้องพักแล้วกว่า 87,960 ห้อง ซึ่งพบปัญหาในส่วนของราคาห้องพักมีการปรับขึ้น และการจองผ่านเว็บไซต์ตัวแทนผู้ประกอบการ (โอทีเอ) มีราคาสูงกว่าปกติ ททท.จะหารือร่วมกับสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) และตรวจสอบราคาขายห้องพักทั้งการขายเว็บไซต์เราเที่ยวด้วยกัน และขายผ่านโอทีเอ เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขในการเข้าร่วมโครงการว่า ราคาห้องพักที่เข้าร่วมโครงการ จะต้องไม่สูงกว่าราคาขายในโอทีเอ และยืนยันว่า ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมที่โอทีเอตกลงกับกระทรวงการคลังไว้ 2% เท่านั้น

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการมายังกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ให้เร่งทำการสำรวจและตรวจสอบโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อไม่ให้เกิดการใช้ช่องโหว่เอาเปรียบประชาชน โดยหากยังมีการขึ้นราคาห้องพักที่ขายผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกันแบบผิดปกติอยู่ จะดำเนินการนำโรงแรมเหล่านั้นขึ้นบัญชีดำ (แบล็คลิสต์) และทำการถอดชื่อโรงแรมนั้นๆ ไม่ให้เข้าร่วมการขายต่อไปทันที ตั้งแต่เฟส 1 รวมถึงเฟส 2 ที่กำลังจะเกิดขึ้น และหากพบว่ามีประชาชนทำการจองที่พักไปแล้ว ผู้ประกอบการจะต้องทำการคืนเงินห้องพักทั้งหมดทันทีด้วย

“หากประชาชนพบราคาห้องพักใดที่ขายผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ในรูปแบบราคาปรับสูงขึ้นมากกว่าปกติ สามารถร้องเรียนผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์เราเที่ยวด้วยกัน และสายตรง 1672 ททท. ได้ทันที ซึ่งจะใช้เวลาในการตรวจสอบไม่เกิน 3 วัน ก่อนแจ้งความคืบหน้าและผลการตรวจสอบ โดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เน้นย้ำในการไม่ปล่อยให้ผู้ประกอบการฉวยโอกาสผ่านโครงการดังกล่าว เพราะจุดประสงค์คือ ต้องการให้โครงการนี้ เป็นเครื่องมือในการกระตุ้นภาคท่องเที่ยวต่อไป” นายยุทธศักดิ์กล่าว

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า สำหรับยอดการใช้สิทธิ์จองห้องพักที่ยังไม่ถึง 100,000 ห้องนั้น ถือว่าไม่ได้อยู่ในระดับที่อืด ขึ้นอยู่กับว่าเปรียบเทียบกับมาตรฐานใด ซึ่งมองว่าตอนนี้อยู่ในระดับที่ดูดีพอสมควร เนื่องจากมีการจองห้องพักท่องเที่ยวเพิ่มจาก 0-5% ในช่วงที่ผ่านมา และขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของการเดินทาง ว่าจะเริ่มสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ หรือกลางเดือนสิงหาคมนี้ โดยขณะนี้การท่องเที่ยวไทย ไม่สามารถหวังผลการเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปได้ จึงต้องกระตุ้นการเดินทางข้ามจังหวัด และจำนวนการเข้าพักต่อคืนเพิ่มขึ้นแทน โดยจากการสำรวจพบว่า หากเป็นการจองระยะสั้น 2 วัน 1 คืน จะนิยมจองโรงแรมที่อยู่ในภาคตะวันออกและตะวันตก ส่วนหากเป็นจำนวนการจอง 2 คืนขึ้นไป จะนิยมไปเที่ยวภาคใต้มากที่สุด อันดับ 1 ได้แก่ จังหวัดกระบี่

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image