ฮอนด้า ซีอาร์-วี พี่ใหญ่เอสยูวีเมืองไทย : โดย นายพล

ฮอนด้า ซีอาร์-วี พี่ใหญ่เอสยูวีเมืองไทย : โดย นายพล

ฮอนด้า ซีอาร์-วี พี่ใหญ่เอสยูวีเมืองไทย : โดย นายพล

ถ้าจะเรียกว่า “พี่ใหญ่” แห่งวงการเอสยูวีเมืองไทยก็คงจะไม่ผิดนัก สำหรับ ฮอนด้า ซีอาร์-วี เพราะฮอนด้าเป็นเจ้าแรกๆ ที่ผลิตรถยนต์อเนกประสงค์ หรือเอสยูวี ในตลาดเมืองไทย

รถยนต์อเนกประสงค์ ที่คนไทยเรียกเหมารวมว่าเป็นเอสยูวี เพิ่งมาฮิตในเมืองไทยมาไม่กี่ปีมานี้ เป็นไปตามเทรนด์หรือกระแสนิยมทั่วโลก ค่ายรถต่างพัฒนารถยนต์ประเภทนี้ออกมาให้เลือกมากมาย

สำหรับพี่ใหญ่ ซีอาร์-วี ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ เจ็บมาก็แยะ เพราะบางรุ่นผลิตออกมาซดน้ำมันอย่างคนในทะเลทรายกระหายน้ำ บางรุ่นก็มีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับตำนานการทุบรถ

Advertisement

เรียกได้ว่าพี่ใหญ่ซีอาร์-วี เจอมาหมดแล้ว ดังนั้นเมื่อมาเจอสถานการณ์ตลาดรถเอสยูวีแข่งขันกันดุเดือดมีคู่แข่งหน้าใหม่ๆ เกิดขึ้นมาก แต่ละเจ้าล้วนแต่หมัดหนักไม่ใช่เล่น แต่สำหรับพี่ใหญ่แล้ว บอกได้คำเดียวว่า หนักกว่าเธอก็เจอมาแล้ว

ฮอนด้า ซีอาร์-วี มีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง เป็นรถยนต์ที่บ่งบอกความเป็นฮอนด้าได้ชัดเจนรุ่นหนึ่ง เพราะจุดเด่นของรถยนต์ฮอนด้า คือความอเนกประสงค์ ออกแบบมาให้ใช้งานได้หลากหลาย ใส่ใจในรายละเอียดการใช้งานเล็กๆ น้อยๆ

ในอดีตเคยมีคำถามว่าซีอาร์-วี ทำไมไม่ทำ 7 ที่นั่ง ทำไมไม่มีเครื่องดีเซล มาถึงวันนี้มีหมดแล้ว เรียกว่า ซีอาร์-วี ทำให้เธอได้ทุกอย่าง

Advertisement

ล่าสุดก่อนงานมอเตอร์โชว์เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ฮอนด้าก็จัดเซอร์ไพรส์แบบเงียบๆ เปิดตัวซีอาร์-วี ไมเนอร์เชนจ์ ให้แฟนๆ ได้หายคิดถึง

ดีไซน์ภายนอกเพิ่มหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) พร้อมระบบเปิด-ปิดแบบ วัน-ทัช (One-Touch)

เสริมอารมณ์ความสปอร์ตด้วยกระจังหน้าแบบกลอส แบล๊ก (Gloss Black) และกันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่ ฝากระโปรงท้ายตกแต่งด้วยโครเมียมรมดำและไฟท้ายรมดำ

ไฟหน้าแบบฟูล แอลอีดี มาพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบแอลอีดี (Daytime Running Light-DRL) พร้อมไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ แอลอีดี ซีเควนเชียล และไฟท้ายแบบ ฟูล แอลอีดี ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตใหม่ขนาด 18 นิ้ว

เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ได้แก่ ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)

ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW) ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

และยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) ตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ผ่านการควบคุมพวงมาลัยและแจ้งเตือนผ่านหน้าจอ TFT พร้อมการสั่นเตือนที่พวงมาลัย ระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ (Agile Handling Assist)

รวมทั้งนวัตกรรมเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนคท์ (Honda CONNECT) เป็นต้น

ดีไซน์ภายใน ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย ห้องโดยสารมาพร้อมแผงคอนโซลขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยลายไม้และวัสดุสีดำเปียโน แบล๊ก (Piano Black) มีทั้งแบบเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง และแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง

มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก อาทิ อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) กระจกมองข้างแบบพับเก็บอัตโนมัติ (ควบคุมด้วยรีโมต) (Auto Foldable Side Door Mirror) ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ (Driver Memory Seat) เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ (Auto Dimming Rear View Mirror) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา ไอดูอัลโซน (i-Dual Zone) และระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถว 2 และแถว 3 (รุ่น 7 ที่นั่ง)

ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบแอดวานซ์ทัช รองรับการเชื่อมต่อแอปเปิล คาร์เพลย์ และระบบสั่งการด้วยเสียงสิริ ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ (เฉพาะรุ่น ขับเคลื่อน 4 ล้อ) มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ซึ่งสามารถแสดงผลฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ควบคุมทุกการสั่งงานได้ง่าย บนพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นมีปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ เป็นต้น

ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรี (Hands-free Power Tailgate) (ทุกรุ่น) ควบคุมการเปิด-ปิดด้วยรีโมต และปรับระดับความสูงของการเปิดฝากระโปรงท้ายได้ตามต้องการ

เบาะนั่งสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับผู้โดยสารและการใช้งานหลากหลาย พร้อมด้วยช่องเก็บของบริเวณคอนโซลกลางที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับการใช้งานได้ถึง 3 แบบ

มาพร้อม 2 ขุมพลังขับเคลื่อน ได้แก่

เครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร ไอดีเทค ดีเซล เทอร์โบ 4 สูบ ให้กำลังสูงสุดถึง 160 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตัน-เมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที เทียบเท่ากับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด เป็นระบบเกียร์ไฟฟ้าควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยสวิตช์ (Shift by Wire) อัตราการประหยัดน้ำมัน 17.9 กิโลเมตร/ลิตร มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD

และ เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร DOHC ไอวีเทค 4 สูบ ให้กำลัง 173 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 224 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติแบบซีวีที รองรับพลังงานทางเลือก E85 และ E20 มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนสองล้อ 2WD และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD

ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่น ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซล รุ่น DT-EL 4WD 7 ที่นั่ง ราคา 1,759,000 บาท เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 EL 4WD 7 ที่นั่ง ราคา 1,579,000 บาทเครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 E 7 ที่นั่ง ราคา 1,419,000 บาท

เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 ES 4WD 5 ที่นั่ง ราคา 1,529,000 บาท

เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 S 5 ที่นั่ง ราคา 1,369,000 บาท

มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินคอสมิก (เมทัลลิก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) สีขาวแพลทินัม (มุก) และสีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)

อย่างที่บอกว่า ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะแล้ว จึงได้เห็นความครบเครื่องเรื่องเอสยูวี มาแบบครบครัน แม้กระทั่งการขับขี่ ความนุ่มนวล

ดังนั้นถ้าจะถามว่าคู่แข่ง ซีอาร์-วี คือใคร คำตอบก็คือซีอาร์-วี จึงต้องพยายามหาทางพัฒนาตัวเองให้ถูกใจบรรดากองเชียร์ให้ได้อย่างต่อเนื่อง อย่าได้แผ่ว ให้สมกับฉายาพี่ใหญ่เอสยูวีเมืองไทย

นายพล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image