“ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” โชว์ “รูฟพาร์ค” สวนสาธารณะลอยฟ้า 7 ไร่กลางซีบีดี

“ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” เพิ่มพื้นที่ปอดแห่งใหม่ให้กรุงเทพฯเปิดภาพ “รูฟพาร์ค” สวนสาธารณะลอยฟ้า 7 ไร่ใจกลางย่านธุรกิจสีลม

ดุสิตเซ็นทรัลพาร์ค เปิดงานดีไซน์ “รูฟพาร์ค (Roof Park)” ในโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่บริเวณหัวมุมถนนสีลม ให้เป็นพื้นที่สีเขียวที่สร้างทัศนียภาพร่มรื่นไล่ระดับความสูงของพื้นที่ 20 เมตร สร้างสรรค์เป็นสวนสาธารณะลอยฟ้าพื้นที่รวมทั้งสิ้น 7 ไร่ พลิกโฉมวงการอสังหาฯไทย

นางศุภจี  สุธรรมพันธุ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า ‘รูฟพาร์ค’ เป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่เกิดจากแนวคิดการพัฒนาที่ดินทำเลดีที่สุดของกรุงเทพฯ สู่พื้นที่สีเขียวที่มอบประโยชน์คืนสู่ชุมชน สู่สังคมและสาธารณะ ที่ไม่ว่าใครก็สามารถเข้ามาใช้พื้นที่นี้ได้อย่างเต็มที่

นางศุภจี กล่าวว่า การพัฒนาที่ดินของกลุ่มดุสิตธานี ต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการพัฒนาเมืองและชุมชนอยู่อาศัยโดยรอบเพื่อยกระดับความเป็นมหานครยุคใหม่เช่นเดียวกับเทรนด์การเติบโตของเมืองใหญ่ในต่างประเทศ การออกแบบพื้นที่สีเขียวในรูปแบบเฉพาะตัวจึงเป็นการเปิดมุมมองธรรมชาติเชื่อมโยงทัศนียภาพสีเขียวจากสวนลุมพินีได้กว้างไกล เพิ่มพื้นที่ปอดให้กรุงเทพฯ สร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) และนิเวศเมือง (Urban Ecology) อย่างยั่งยืน เป็นการส่งเสริมสุขภาพคนและคุณภาพเมืองไปด้วยกัน  ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่า การปรากฏโฉมของรูฟพาร์คจะทำให้โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ได้รับการจดจำในระดับสากลในฐานะตึกไอคอนิคแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร สามารถดึงดูดคนจากทั่วโลกให้ต้องมาเยือน เพราะเป็นได้ทั้งจุดหมายการท่องเที่ยว และเป็นพื้นที่สาธารณะที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ใหม่ของคนกรุงเทพฯ

วิวกรุงเทพ

พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่บนอาคารสูงใจกลางเมืองแห่งนี้ มีโจทย์สำหรับงานดีไซน์ 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่ 1.ดีไซน์ที่ยังคงอัตลักษณ์และจิตวิญญาณความเป็นดุสิตธานีที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยมีความโดดเด่นของพรรณไม้และน้ำตก 2. ดีไซน์สำหรับชุมชนและสาธารณะเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้และใช้เป็นพื้นที่เพื่อการพักผ่อนและสันทนาการตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล และ 3.ดีไซน์ให้มีความเฉพาะตัวของระบบนิเวศในกรุงเทพมหานคร สร้างความเป็นธรรมชาติที่มีความสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์เฉพาะในท้องถิ่น

มีการศึกษาและคัดสรรพันธุ์ไม้พื้นถิ่นเดิมของกรุงเทพฯ จากการศึกษาผ่านทางนิราศภูเขาทองและนิราศสุพรรณบุรี  โดยจะนำต้นกล้ามาปลูกในสวนดาดฟ้าแห่งนี้  นับเป็นความพิถีพิถันอย่างที่สุดในการเลือกพันธุ์ไม้ใหญ่น้อยที่เหมาะสมเข้ากันทั้งโครงการโดยผสมผสานทั้งไม้ใหญ่ และไม้พุ่มเตี้ย เช่น เตย แว่นแก้ว เสน่ห์จันทร์แดง เดหลี ไม้ใบเขียวหนา เช่น บอนดำ พัดโบก ไม้ลำต้นสูง เช่น ลำพู ไม้แผง เช่น หญ้าถอดปล้อง รวมทั้งไม้น้ำอย่างกกอเมซอน ลานไพลิน เป็นต้น

Advertisement
คุณศุภจีและผู้ออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมโครงการ

“บริษัท วิมานสุริยา จำกัด ได้มอบหมายให้บริษัท แลนด์สเคป คอลลาบอเรชั่น จำกัด เป็นผู้ออกแบบงานภูมิสถาปัตยกรรมในส่วนรูฟพาร์คทั้งหมด ซึ่งทางโครงการฯ มีความปรารถนาที่จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กรุงเทพฯ ช่วยในเรื่องของการลดอุณหภูมิเมือง เป็นพื้นที่ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ทั้งยังเสริมสร้างระบบนิเวศและเป็นมิตรแก่สิ่งแวดล้อม”  นางศุภจีกล่าว ทั้งนี้ลักษณะทางกายภาพของสวนสาธารณะลอยฟ้าขนาด 7 ไร่นี้ถูกออกแบบให้คล้ายเนินเขาที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง โดยมีกลุ่มอาคารสูงของโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค โอบล้อมไว้โดยรอบ บรรยากาศภายในสวนแห่งนี้จึงมีความร่มรื่นจากการปลูกต้นไม้ผสมผสานทั้งไม้ใหญ่ยืนต้น ไม้ขนาดกลาง ไม้พุ่ม ไม้ประดับ และชั้นน้ำตกไล่ระดับความสูงเริ่มจากชั้น 3  ของอาคารศูนย์การค้าไล่ความสูงต่อเนื่องขึ้นไปถึงชั้น 6 และชั้น 7 ของกลุ่มอาคารสูงภายในโครงการ

ภาพจำลอง

ความพิเศษของงานออกแบบสร้างสรรค์บรรยากาศและสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติอย่างสมบูรณ์  ยามเมื่อทอดสายตาจากสวนดาดฟ้าไม่ว่าจะอยู่ ณ จุดใดก็จะพบความต่อเนื่องของทัศนียภาพเชื่อมโยงกับสวนลุมพินี ทำให้เกิดมุมมองธรรมชาติแบบไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งเป็นมุมมองรูปแบบเดียวกับเซ็นทรัล พาร์ค ในมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาพื้นที่ส่วนนี้ของโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ช่วยขยายทัศนียภาพของปอดใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นสถานที่แห่งแรกและแห่งเดียวในกรุงเทพฯ ที่สามารถเรียงร้อยเรื่องราวความเขียวขจีของทั้งสองสวนเข้าด้วยกัน

บรรยากาศจำลอง

สำหรับการออกแบบพื้นที่ใช้สอยได้มุ่งเน้นไปที่การใช้งานได้อย่างเต็มประโยชน์และตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตของคนในเมืองที่ต้องการความใกล้ชิดกับธรรมชาติ รูฟพาร์คจะเป็นสถานที่ที่ทุกคนสามารถใช้งานได้จริงตามไลฟ์สไตล์และความชื่นชอบ ไม่ว่าจะมาเป็นกลุ่มครอบครัว หนุ่มสาว วัยรุ่น  วัยทำงาน เด็กและผู้สูงวัย สามารถมีความสุขไปกับกิจกรรมของตัวเองได้ในพื้นที่ต่างๆ ที่จัดสรรไว้อย่างเหมาะสมและร่มรื่น อาทิ  Food Passage  พื้นที่สำหรับการรับประทานอาหาร  การปิกนิกของครอบครัว  มีสนามเด็กเล่น  มีลู่วิ่งและเส้นทางขี่จักรยาน  มีทางเดินธรรมชาติ ทั้งเพื่อความเพลิดเพลินและการออกกำลังกาย นอกจากนี้ ยังจัดพื้นที่สำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน เช่น แสดงงานศิลปะ ดนตรี งานแสดงภาพยนตร์กลางแจ้ง เวิร์คช้อป และการจัดมินิอีเว้นท์ในวาระต่างๆ กล่าวได้ว่าเป็นการออกแบบสวนที่สามารถทำให้คนเมืองออกแบบชีวิตได้ตามที่ต้องการ

Advertisement
บรรยากาศจำลอง
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image