เอ็กซิมแบงก์ ร่วมพันธมิตร จับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์ เชื่อมผู้ส่งออกเอสเอ็มอีไทยกับผู้นำเข้าใน CLMV

เอ็กซิมแบงก์ ร่วมพันธมิตร จับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์ เชื่อมผู้ส่งออกเอสเอ็มอีไทยกับผู้นำเข้าใน CLMV

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. และประธานกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) เปิดเผยในงานสัมมนา Global Business Matching 2020 เปิดโลกการค้า เจรจาธุรกิจ พิชิตตลาดส่งออก ว่า เอ็กซิมแบงก์ ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และภาคีเครือข่ายพันธมิตรจากภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ (วพ.) กระทรวงสาธารณสุข และองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง จับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์ เพื่อให้ผู้ส่งออกเอสเอ็มอีไทยในภาคการเกษตรตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เริ่มต้นหรือขยายการส่งออกไปยังตลาด CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ซึ่งยังมีกำลังซื้อและความต้องการสินค้าส่งออกจากไทยอีกมาก ท่ามกลางการปรับตัวของผู้บริโภคและภาคธุรกิจจากผลกระทบของโควิด-19 เป็นการส่งเสริมการจ้างงานและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าเกษตรของไทย ขับเคลื่อนการเติบโตของภาคการส่งออกและการพัฒนาประเทศของไทยและภูมิภาคอาเซียน

นายสุพันธุ์ กล่าวว่า จากเป้าหมายร่วมกันเพื่อยกระดับภาคการเกษตรของไทย ซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญมีมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านบาท คิดเป็น 10% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) นำไปสู่การเติบโตของเศรษฐกิจและสังคม โดยก่อให้เกิดการจ้างงานเป็นสัดส่วนถึง 30% ของกำลังแรงงานทั้งประเทศ ครอบคลุมกว่า 6.4 ล้านครัวเรือน คิดเป็นพื้นที่กว่า 40% ของประเทศไทย

“เอ็กซิมแบงก์จึงร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจในครั้งนี้ ต่อยอดจากกิจกรรมที่ได้ดำเนินการมาแล้วตั้งแต่ปี 2562 ที่ผ่านมาในการบ่มเพาะความรู้เพื่อเพิ่มศักยภาพของเอสเอ็มอีภาคการเกษตรของไทยให้สามารถผลิตและส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการเกษตร และยกระดับ โดยประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมในกระบวนการผลิตที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีมูลค่าเพิ่มและได้มาตรฐานสากล ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ช่วยให้สินค้าส่งออกของไทยแข่งขันได้และขยายตลาดในภูมิภาคได้มากขึ้น” นายสุพันธุ์ กล่าว

นายสุพันธุ์ กล่าวว่า ภายใต้โครงการนี้ เอ็กซิมแบงก์ ร่วมกับ ธ.ก.ส. และ วว. ดำเนินการบ่มเพาะ ยกระดับ และต่อยอดอุตสาหกรรมเกษตรของไทยให้ส่งออกและแข่งขันได้ในตลาดการค้าโลก โดยใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญของแต่ละหน่วยงาน อาทิ ธ.ก.ส. พัฒนาเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์การเกษตร และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่มีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรให้สามารถจำหน่ายได้ มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่คุณค่าสินค้าเกษตรโดยความร่วมมือกับพันธมิตรเครือข่าย วว. นำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม เข้ามาสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเกษตร ในการพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิต ให้เข้าสู่มาตรฐานสากล

Advertisement

ขณะที่ เอ็กซิมแบงก์ จะสนับสนุนใน 3 ด้าน ได้แก่ ข้อมูลความรู้ บริการทางการเงินทั้งสินเชื่อและประกันความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ และเครือข่ายธุรกิจ ขณะที่ภาคีเครือข่ายพันธมิตรร่วมสนับสนุนการจัดกิจกรรม เพื่อยกระดับผู้ผลิตภาคการเกษตรให้ผันตัวเป็นผู้ส่งออกที่สามารถส่งมอบสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศ โดยเฉพาะใน CLMV และประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ได้อย่างประสบความสำเร็จ ด้วยเครือข่ายทางธุรกิจที่เชื่อมโยงครบวงจร ตั้งแต่ผู้ผลิตถึงผู้ส่งออกและผู้ซื้อในต่างประเทศ

ทั้งนี้ ในปี 2562 ที่ผ่านมาโครงการนี้ประสบความสำเร็จในการจับคู่ธุรกิจให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ภาคการเกษตรส่งออกไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศเป็นมูลค่าการส่งออกรวมกว่า 500 ล้านบาท นับเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อสร้างผู้ส่งออกรายใหม่ ควบคู่กับการส่งเสริมภาคการเกษตรไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนอย่างสมดุลและยั่งยืน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image