เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม สมาคมค้าทองคำรายงานการซื้อขายทองคำในประเทศ ราคาร่วงลงหนักทันทีที่เปิดตลาดการซื้อขาย เมื่อเวลา 09.32 น. ลดลงหนักที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1,400 บาทต่อบาททองคำ โดยทองแท่งรับซื้อที่ 27,750 บาท ขายออก 27,850 บาท และทองรูปพรรณรับซื้อที่ 27,257.68 บาท และขายออกที่ 28,350 บาท
และตลอดทั้งวันราคามีการเปลี่ยนแปลงปรับขึ้นปรับลงมากถึง 42 ครั้ง (เวลา 16.45 น.) โดยราคาปรับลดลงรวม 2,450 บาท และปรับขึ้นรวม 1,550 บาท รวมราคาทองลดลง 850 บาท โดยการซื้อขายระหว่างวัน เมื่อเวลา 11.32 น. ราคาปรับตัวลดลงต่ำสุดของวัน ทองแท่งรับซื้อที่ 27,400 บาท ขายออก 27,500 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อที่ 26,909 บาท และขายออก 28,000 บาท และราคาล่าสุดเวลา 16.45 น. ทองแท่งรับซื้อ 28,300 บาท ขายออก 28,400 บาท ทองรูปพรรณขายออก 27,788.28 บาท ขายออก 28,900 บาท ซึ่งเป็นผลมาจากกองทุนทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือ SPDR Gold Trust ได้ขายทองคำ 4.19 ตัน จากเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ขายออกไปแล้วมากกว่า 5 ตัน
โดยประเด็นหลักที่ทำให้ราคาทองปรับตัวลดลงแรงคือ ข่าวการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของรัสเซีย ที่นายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียประกาศถึงความสำเร็จดังกล่าว มีการจดทะเบียนวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 แล้ว และคาดว่าจะพร้อมใช้งานในวันที่ 1 มกราคม 2564
นอกจากนี้ บริษัทค้าทองคำหลายบริษัทได้จัดทำบทวิเคราะห์ ความเคลื่อนไหวราคาทองไปในแนวทางเดียวกัน ทั้งบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ จำกัด, ร้านทองฮั่ว เซ่ง เฮง บริษัท จีแคป จำกัด และบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ว่าภาพรวมราคาทองคำยังคงมีแรงเทขายเข้ามาในตลาดโดยตลอด นอกจากข่าวรัสเซียนประกาศเรื่องวัคซีนต้าน โควิด-19 แล้ว ยังมีข่าวดีด้านเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้จะปรับขึ้น 0.3% อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ ยีลด์) สหรัฐ อายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 1 เดือน ดัชนีดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำโลกเมื่อคืนวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา ร่วงหลุดแนวรับสำคัญ ต่อเนื่องเช้าวันที่ 12 สิงหาคมราคาร่วงต่อหลุดระดับ 1,900 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ทั้งนี้ ยังต้องจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนนี้ ที่อาจส่งผลกดดันราคาทองให้ร่วงลงได้
