บีเอ็ม‘218ไอ’ แกรน คูเป้ กระชากวัย : โดย นายพล

บีเอ็ม‘218ไอ’ แกรน คูเป้ กระชากวัย : โดย นายพล

บีเอ็ม‘218ไอ’ แกรน คูเป้ กระชากวัย : โดย นายพล

นานๆ จะได้เห็นค่ายใบพัดสีฟ้า ขยับมาเล่นตลาดรถหรูขนาดเล็กสักครั้ง ซึ่งจริงๆ แล้ว บีเอ็มดับเบิลยู มีเทคโนโลยีอยู่ไม่น้อย แต่กว่าจะขยับ จับรุ่นเล็กมาลุยตลาดประเทศไทย

ล่าสุดส่ง บีเอ็มดับเบิลยู 218ไอ แกรน คูเป้ เอ็มสปอร์ต (218i Gran Coupe M Sport) รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์คูเป้ 4 ประตู

หลังจากค่ายบีเอ็ม ประสบความสำเร็จในรุ่นรถที่สูงกว่า มาครั้งนี้จึงโชว์ฝีไม้ลายมือ ผลิตรุ่นนี้ออกมาให้ยลโฉมเป็นครั้งแรกในเซ็กเมนต์รถยนต์

Advertisement

พรีเมียมคอมแพกต์

บีเอ็มดับเบิลยู 218i Gran Coupe M Sport มีเป้าหมายการผลิต เพื่อให้แตกต่างไม่เหมือนใครด้วยเค้าโครงโฉบเฉี่ยวกว่าเคยด้วยดีไซน์ได้แรงบันดาลใจมาจากรถยนต์คูเป้รุ่นคลาสสิก กระจกประตูข้างแบบไร้กรอบทั้ง 4 ประตู เหมือนในอดีต แต่เป็นยุค 2020

รูปลักษณ์สปอร์ต แนวหลังคาลาดต่ำและระยะฐานล้อทรงกว้างส่งให้บุคลิกดูกระฉับกระเฉง

Advertisement

ช่วงหน้าดูปราดเปรียว มีมุมที่แตกต่างจากหน้าตาของบรรดาพี่ๆ ตั้งแต่ ซีรีส์ 3 ขึ้นไป ในหลายๆ มุม

ไฟหน้าสี่ตาดูเป็นเอกลักษณ์ทำมุมเล็กน้อย เสริมให้กับกระจังหน้ารูปไต เอกลักษณ์ของบีเอ็ม มาพร้อมกับซี่กระจัง ให้ความรู้สึกมีมิติ

อุปกรณ์มาตรฐานไฟหน้า แอลอีดี ช่วยให้ความรู้สึกทันสมัยชัดเจนขึ้น

เส้นสายด้านข้างตัวรถ ดูเหมือนจะกลายเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู คูเป้ รุ่นหลัง รวมทั้งเส้นโค้งของหลังคา พร้อมทรงหน้าต่างและเส้นข้างตัวรถยาวขึ้น ส่งให้ตัวรถดูเปรียวยาว

ตัวรถด้านข้างบริเวณเสา C โดดเด่นชัดเจน พร้อมเส้นโค้งดูทรงพลังของล้อหลัง และไฟท้ายเพรียวบางลาดออกในแนวนอน ควบคู่ชิ้นส่วนสีดำ ไฮ-กรอส แบล๊ก (High-gloss Black) เชื่อมต่อไฟท้ายทั้งสองส่วนสู่ตราสัญลักษณ์บีเอ็มดับเบิลยูตรงกลาง เช่นเดียวกับไฟหน้า ไฟท้าย แอลอีดี มาพร้อมตัวรถเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ภายในออกแบบพื้นที่ใช้สอย ด้วยที่เก็บของท้ายรถ รองรับปริมาตรการบรรจุได้ถึง 430 ลิตร และปรับขยายได้หลากหลายรูปแบบ

ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้ว และหลังคาพาโนรามิคขนาดใหญ่สามารถเปิดออกด้านนอกได้ไม่จำกัดระดับ พร้อมโหมดระบายอากาศไฟฟ้า

ขุมพลังจากเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร และเทคโนโลยี บีเอ็มดับเบิลยู ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ (BMW TwinPower Turbo) ทำงานควบคู่เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ สเต็ปทรอนิก (Steptronic) แบบคลัตช์คู่ เครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้า/103 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ที่ 1,480-4,200 รอบต่อนาที อัตราเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 8.7 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 215 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ภายในห้องโดยสารฝั่งคนขับ ตำแหน่งหน้าจอ และแผงหน้าปัด อินสตรูเมนต์ คลัสเตอร์ (Instrument Cluster) ขนาด 5.1 นิ้ว รวมไปถึงจอสัมผัส คอนโทรล ดิสเพลย์ (Control Display) ขนาด 8.8 นิ้ว ที่ตั้งอยู่กลางคอนโซลทำมุมเข้าหาคนขับเล็กน้อย

มีระบบ พาร์คกิ้ง แอสสิสแทนท์ (Parking Assistant) ช่วยถอยหลังเข้าช่องจอด 90 องศา หรือจอดแบบขนานอัตโนมัติ พร้อมกล้องมองหลัง

การออกแบบของรุ่นนี้ ผู้ออกแบบเน้นให้ผู้ขับควบคุมจุดต่างๆ ได้ง่าย รวมไปถึงพื้นผิวหลากหลายของแผงหน้าปัดและบริเวณหลังพวงมาลัย โดยแถบสีบริเวณแผงหน้าปัดและกรอบประตูมาในลาย อิลลูมิเนท บอสตัน (Illuminated Boston) ด้านพวงมาลัย M Sport และเบาะที่นั่งตอนหน้าดีไซน์สปอร์ตหุ้มหนังแท้ ดาโกตา (Dakota) พร้อมรูระบายอากาศส่งให้ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวขึ้นอีก

โดยรวมแล้ว เหมาะกับลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ ยัง เจเนอเรชั่น แต่ไม่ใช่พวกชอบซิ่ง ประเภทรถแรง แต่เป็นกลุ่มคนพอมีกำลังซื้อ อยากหารถไว้ใช้งานด้วย เที่ยวด้วย ไม่ต้องใหญ่มาก น่าจะเหมาะกับรุ่นนี้

นายพล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image