“ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค” ดึงระบบออโตเมชั่นเพิ่มศักยภาพผลิต​ ทุ่ม​1.5 พันล.ขยายโรงงาน

“ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค” ยกระดับโรงงานสีเขียว ดึงระบบออโตเมชั่นเต็มรูปแบบเพิ่มศักยภาพการผลิต​ พร้อมทุ่ม​1.5 พันล้านขยายโรงงานรับกำลังซื้อในอนาคต

นายเพิ่มศักดิ์ ไกรสรพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายซัพพลายเชน บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า​ โรงงานผลิตเครื่องดื่มของซันโทรี่ เป๊ปซี่โค​ เต็มไปด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงจากประเทศเยอรมัน ซึ่งควบคุมการผลิตด้วยระบบออโตเมชั่นเต็มรูปแบบ โดยมีกำลังการผลิตสูงสุดถึง 800 ขวดต่อนาที ที่สำคัญคือเป็นโรงงานระบบปิดตลอดกระบวนการผลิต ตั้งแต่การขึ้นรูปขวดพีอีที ผสมเครื่องดื่ม บรรจุขวด ปิดฝา ติดฉลาก และการแพ็คบรรจุภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ภายใต้โรงงานที่มีมาตรฐานความปลอดภัยของอาหารระดับโลก เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าเครื่องดื่มของซันโทรี่ เป๊ปซี่โค นั้นสะอาดและปลอดภัย 100 % ซึ่งมีโรงงานผลิตเครื่องดื่มแห่งแรกตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง มีทั้งสิ้น 9 สายการผลิต

ส่วนโรงงานแห่งที่สองตั้งอยู่ที่จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 4 สายการผลิต ทั้งนี้บริษัทยังได้เตรียมงบประมาณอีก 1,500 ล้านบาท สำหรับขยายโรงงานในเฟสต่อๆ ไป เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคในอนาคต

ทั้งนี้ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ “Growing for Good” โดยยึดมั่นในหลัก 3R+1T ในกระบวนการทำงาน เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน โดยหลัก 3R ได้แก่ Reduce-Reuse-Recycle และ 1T คือ Technology ในการทำงาน เริ่มจากการเดินหน้าใช้ขวดพีอีทีที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100% และมีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีร่วมกับคู่ค้าจนเกิดเป็น light weight plastic ซึ่งเป็นการใช้ปริมาณพลาสติก ลดลงสำหรับการผลิตขวดแต่ละขวด แต่ยังคงคุณสมบัติดีตามมาตรฐานบรรจุภัณฑ์

ทั้งนี้ เป๊ปซี่โคและซันโทรี่ ต่างก็มีวิสัยทัศน์ในการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายการใช้บรรจุภัณฑ์ทั่วโลก ที่สามารถ รีไซเคิล สลายตัว หรือย่อยสลายทางชีวภาพได้ 100% ภายในปี 2568 และ 2573 ตามลำดับ

Advertisement

ด้านโรงงานผลิตเครื่องดื่มซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ถือเป็น “โรงงานสีเขียว” กล่าวคือสามารถอนุรักษ์พลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อมได้ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ การก่อสร้าง (โดยออกแบบตามมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) ระดับ Silver ในเรื่องของการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม) อาทิ หลังคาที่สามารถดูดซับความร้อนได้ดี ทิศทางของโรงงานควรหันทางด้านใด จนถึงการใช้อาคารในการปฏิบัติงานจริง

บวกกับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ อาทิ มีการติดตั้งแผงโซล่าเซลส์ ติดตั้งหลอดไฟ LED ประหยัดไฟฟ้า และเทคโนโลยีในสาย​ ซึ่งการผลิตที่มุ่งเน้นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้กระบวนการผลิตในปัจจุบันสามารถลดปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ 14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และยังมุ่งหน้าพัฒนาด้านต่างๆ เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น

Advertisement

ด้านทรัพยากรน้ำ โรงงานผลิตเครื่องดื่มของซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ได้เลือกใช้เทคโนโลยีในสายพานการผลิตที่ช่วยลดการใช้น้ำ และยังมีระบบบำบัดน้ำเสียที่สูงกว่ามาตรฐานที่นิคมอุตสาหกรรมกำหนด โดยโรงงานได้ควบคุมคุณภาพของน้ำทิ้งที่ปล่อยออกสู่การนิคมฯ ให้มีคุณภาพสูงกว่าคุณภาพของน้ำทิ้งที่การนิคมฯ กำหนด ซึ่งทำให้โรงงานสามารถนำน้ำส่วนหนึ่งที่ได้รับการบำบัดแล้วกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์อีกครั้งในขอบเขตที่กฎหมายกำหนดส่งผลให้ใช้ทรัพยากรน้ำลดลงไปได้ถึง 35% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2561 โรงงานที่สระบุรียังได้รับรางวัลอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับ 3 ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่โรงงานที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ มีการติดตามและประเมินผลเพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ รางวัลดังกล่าวมอบให้กับโรงงานที่ผ่านการตรวจสอบตามเงื่อนไขของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยใบรับรองนี้มีอายุ 3 ปี

“เมื่อทำการจัดลำดับโรงงานผลิตเครื่องดื่มในเครือซันโทรี่ทั่วโลก โรงงานที่สระบุรี ได้รับการยกย่องให้เป็นอันดับหนึ่งทั้งในด้านประสิทธิภาพการผลิต จิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และสุขอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน รวมทั้งในช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา พนักงานและทีมงานของบริษัทยังใส่ใจดูแลชุมชนรอบโรงงาน ด้วยการติดตั้งเครื่องกรองน้ำในโรงเรียน และบริจาคเครื่องดื่มที่จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวัน ”นายเพิ่มศักดิ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image